ในขณะเดียวกัน
รถออฟโรดวอลโล่รุ่นเก่าคันหนึ่งที่ขับมาจากสวีเดน ผ่านการบุกป่าฝ่าดงมาสองสามชั่วโมงแล้ว จอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ชนบทหลังนั้นที่หลินหว่านเอ๋อร์พักอยู่ก่อนหน้านี้
หน้าต่างรถห้องคนขับลดลงมา ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ห้องคนขับ สังเกตคฤหาสน์หลังนี้อย่างละเอียด
แม้ว่าตอนนี้เป็นตอนบ่ายแล้ว แต่ในคฤหาสน์หลังนี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ฟาร์มโดยรอบก็ไม่เห็นร่องรอยว่ามีคนทำเลยด้วยเช่นกัน
เขาควักโทรศัพท์ดาวเทียม พูดแจกแจงให้โทรศัพท์อย่างถี่ถ้วน : “ท่านไวเคานต์ ไม่เห็นใครที่นี่เลยครับ มีรถจอดอยู่สองสามคันที่นอกประตูด้วย เหมือนว่ามีร่องรอยที่รีบทำความสะอาดเอาไว้อยู่ ต้องการให้ผมเข้าไปดูหน่อยไหมครับ ?”
เสียงไวเคานต์คนนั้นที่อยู่ในสายนั้นดังขึ้น : “สวมกล้องเอาไว้ ผู้มีพระคุณต้องการเห็นภาพเรียลไทม์ ! ”
“ได้ครับ !” คนนั้นรีบหยิบกล้องแบบพกพาตัวหนึ่งออกมาจากเบาะรองแขนทันที เอากล้องไว้ที่ด้านนอกกระเป๋าที่อยู่ด้านซ้ายของเสื้อเชิ้ตตัวเอง หลังจากเปิดกล้อง ก็ถามด้วยความนอบน้อม : “ท่านไวเคานต์ ทางฝั่งท่านเห็นภาพเรียลไทม์แล้วหรือยังครับ ?”
อีกฝ่ายตอบอย่างเย็นชา : “เห็นแล้ว นายรีบเข้าไปดูเดี๋ยวนี้ !”
หลังจากผู้ชายในตำแหน่งคนขับวอลโล่ ติดกล้องที่ถ่ายทอดเรียลไทม์เรียบร้อยแล้ว ก็ผลักประตูเดินลงจากรถ
หลังจากยืนยันว่าโดยรอบไม่มีใครและยานพาหนะใดผ่านแล้ว เขาก็ใช้อุปกรณ์ไขกุญแจ งัดเปิดประตูห้องอย่างช่ำชอง
อันที่จริง บ้านหลังที่หลินหว่านเอ๋อร์อาศัยอยู่นี้ นอกจากที่ล็อกประตูธรรมดา ๆแล้ว ยังซ่อนกลอนประตูซ่อนเร้นไว้ที่ข้างบนและข้างล่างของวงกบประตูด้วย อีกทั้งอัปเกรดระบบความคุมด้วยไอโอทีครบชุดเพื่อที่ล็อกประตู
คนคนนั้นโน้มตัวลงทันที ตรวจดูเปลือกตาของผู้บัญชาการ รวมทั้งรอยของศพที่ปรากฏอยู่บนแขนและลำคอ แล้วเอ่ย : “เขาน่าจะตายด้วยยาพิษครับ……”
ว่าแล้ว เขาก็เขี่ยฟันของผู้บัญชาการออก พบฟันพิษที่ถูกกัดจนแตกแล้วอยู่ในปาก จากนั้นพูดเสริมทันที : “ดูท่า ผู้บัญชาการเป็นคนกัดฟันพิษให้แตกเองเพื่อฆ่าตัวตายครับ”
ไวเคานต์คนนั้นซักถามทันที : “ทหารม้ากล้าคนอื่น ๆ ล่ะ ? ครั้งนี้ส่งทหารม้ากล้าไปทั้งหมดแปดนาย ทำไมมีเพียงเขาคนเดียวที่ตาย ? ! คนอื่น ๆ ล่ะ ?”
ผู้ชายที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุมองไปรอบ ๆ และถอยออกไปเพื่อหาทั้งคฤหาสน์หลังนี้รอบหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือ สถานที่เกิดเหตุไม่พบเบาะแสใด ๆ ของสมาชิกทหารม้ากล้าเลย
ครั้นแล้ว ผู้ชายคนนั้นจึงถาม : “ท่านไวเคานต์ ท่านยังมีอะไรที่ต้องการให้ผมทำไหมครับ ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...