โลลิต้านึกไม่ถึง ภายในเวลาสั้น ๆ อีกฝ่ายถึงกับเปลี่ยนไปโหดเหี้ยมเช่นนี้ เธอสูญเสียอำนาจก่อนหน้านี้ภายในชั่วพริบตา ตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดสักประโยคเลย
เธออายุยังน้อย แม้ว่าถูกองค์กรมนุษยธรรมนี้ดันไปใช้เป็นปืนหน้าเวทีอยู่หลายปี แต่เธอแค่ไปพูด แสดงละคร ตามเงื่อนไขโดยทำตามตัวหนังสืออย่างตายตัวเพียงเท่านั้น และไม่รู้ความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์กับสาเหตุเชิงลึกที่อยู่เบื้องหลังเลย
เธอรู้เพียงแค่ ขอเพียงตัวเองไปทำตามเงื่อนไขพวกเขาแล้ว ตัวเองและครอบครัวก็จะได้รากฐานวัตถุดี ๆ ถึงขนาดที่สามารถอาศัยโอกาสนี้ก้าวขึ้นสังคมไฮโซได้เลย
แต่เธอไม่รู้ความเป็นมาที่แท้จริงขององค์กรมนุษยธรรมนี้
ตอนช่วงก่อนหน้านี้ที่ โลลิต้าถูกดันไปจุดสูงสุดในชื่อเสียงระดับโลก เธอเองก็เคยเกิดความคิดที่จะหลุดพ้นจากองค์กรมนุษยธรรมนี้ และเลี้ยงครอบครัวด้วยลำแข้งของตัวเอง
อย่างไรซะจากมุมมองของเธอ ตอนนี้เธอเป็นบุคคลโด่งดังระดับโลก มีแฟนคลับนับไม่ถ้วน ถึงขนาดที่ได้รับการต้อนรับจากผู้นำหลาย ๆ ประเทศ และได้รับการยกย่องเป็นเสียงเดียวกันจากพวกเขา ไม่มีความจำเป็นต้องให้องค์กรระดับสูงมาควบคุมตัวเองอีกแล้ว
แต่ว่า ตอนที่เธอเอ่ยถึงความคิดนี้กับพ่อของเธอเอง กลับได้รับการตำหนิอย่างเข้มงวดจากพ่อ แม้ว่าในใจของโลลิต้าจะไม่ยอมก็ตาม แต่ไม่กล้าเป็นปฏิปักษ์กับพ่อด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ว่า ขณะนี้ตัวเองได้รับปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้แล้ว จากมุมมองของเธอนั้น เป็นโอกาสทองที่จะแตกหักกับอีกฝ่ายเลย !
ครั้นแล้ว เธอรีบควักมือถือออกมา แล้วโทรหาพ่อ
โลลิต้าหลุดปากพูดตามจิตใต้สำนึก : “แน่นอนว่าหนูทุ่มเทพยายามเพื่อให้ได้มาน่ะสิคะ ! ทุกวันหนูไม่ไปเข้าคาบเรียนของโรงเรียน ไปชูป้ายประท้วงไปทั่ว ช่วงชิงมาจากการที่ต้านฟ้า ต้านดิน ต้านอากาศอยู่ทุกที่ไงคะ ! หากว่าหนูไม่ได้ทุ่มเทความเหน็ดเหนื่อยของหนู จะมีวันนี้ของครอบครัวเราได้ยังไงกันคะ !”
พ่อของโลลิต้าได้ยินคำพูดนี้ ก็ด่ากราดทันที : “แกรีบหุบปากเชียวนะ ! หากไม่ใช่ว่าพวกเขาปฏิบัติการอยู่เบื้องหลัง ต่อให้อายุน้อย ๆ อย่างแกหยุดเรียนไปเดินแหกปากตะโกนบนถนน ก็จะไม่มีคนเหลือบมองแกหรอก !”
“แกต้องจำเอาไว้ ! แกมีวันนี้ได้ ทั้งหมดนั้นอาศัยพวกเขาที่คอยช่วยแกทำบทละครการตลาดแบบต่าง ๆ อยู่เบื้องหลัง สื่อมวลชนพวกนั้นที่ทำการเสนอข่าวแกแบบต่าง ๆ ล้วนเป็นปฏิบัติการที่พวกเขาจ่ายเงินไว้ลับ ๆ และพวกเขาทำทิศทางการประท้วงชุดหนึ่งให้แก โดยมีความร่วมมือเชิงลึกกับสื่อมวลชนประเทศต่าง ๆ ต่างหาก !”
“อย่าได้ลืมเชียวล่ะ แม้กระทั่งสโลแกน “คุณกล้าได้ยังไง” ประโยคนั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของแก ก็เป็นสิ่งที่นักวางแผนของพวกเขาทำให้แก ไม่อย่างนั้นละก็ แกอย่านึกว่าอาศัยเพียงแค่แกกระโดดออกมาร้องสองประโยคเพียงเท่านั้น ชื่อเสียงก็สามารถโด่งดังไปทั่วโลกได้แล้ว ? !”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...