ว่าแล้ว เขาก็หันไปชี้บ่อหลักที่อยู่ข้างหลัง พูดด้วยสีหน้าอิจฉา : “ศิษย์น้อง งานก่อสร้างใต้ดินของพวกนายเนี่ย แม่งสร้างได้เจ๋งมากเลย ! อุโมงค์นั่นก็สูงสามสี่เมตรแล้ว งานก่อสร้างใต้ดินของฉันที่นั้น เทียบกับที่นี่ของพวกนายแล้ว อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่รูหนู !”
เย่เฉินหัวเราะฮ่า ๆ บอกกับเขา : “พี่วางใจได้ครับ รอให้ที่นี่สร้างได้พอสมควรแล้ว ผมจะให้พั่วจวินลองจัดเตรียม ให้เลื่อนชั้นพวกพี่ด้วย”
คามมิตได้ยินคำพูดนี้ มือก็สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น ถามเขาด้วยความดีใจ : “ศิษย์น้อง พูดจริงเหรอ ?”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วยิ้มบอก : “แน่นอนอยู่แล้ว ผมเคยพูดโกหกที่ไหนกันล่ะ ?”
ว่าแล้ว เย่เฉินก็พูดอีก : “เมื่อกี้ตอนพี่อยู่ข้างล่างก็เห็นยอดฝีมือซิซิลีที่ขยันทำงานพวกนั้นแล้วใช่ไหม ?”
“ยอดฝีมือซิซิลี ?” คามมิตถามด้วยความประหลาดใจ : “นายหมายถึงมะเฟียแคนาดาที่ทำงานอยู่ข้างล่างพวกนั้นใช่ไหม ?”
“ใช่” เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มบอก : “ ถึงตอนนั้นจะส่งคนพวกนี้ไปให้พวกพี่ด้วยพร้อมกันเลย !”
ความรู้สึกซาบซึ้งที่คามมิตมีต่อเย่เฉินนั้น ก็เหมือนแม่น้ำเชี่ยวกรากต่อเนื่อง และเหมือนแม่น้ำหวงที่เอ่อล้นออกมาจนไม่สามารถกักเก็บได้ตั้งนานแล้ว
หากว่าไม่มีเย่เฉิน คงถูกทหารรัฐบาลกับสำนักว่านหลงเอาตัวไปแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เย่เฉินยังรักษาขาที่เขาพิการมาหลายปีให้หายดี และให้เงินจำนวนไม่น้อยเพื่อป้องกันเขาอย่างแน่นหนา
ตอนนี้ มีสำนักว่านหลงเป็นคนกลางที่คอยไกล่เกลี่ย และให้โอกาสทองที่พัฒนาอย่างสันติภาพกับเขาอีกด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้เขานึกไม่ถึงคือ ต่อให้เป็นเช่นนี้ เย่เฉินยังคงปฏิบัติต่อตัวเองโดยไม่มีการเรียกร้องเอาเงิน และยังคงใจกว้างมากดังเดิม
ดังนั้น เพื่อที่จะให้คามมิตไม่ถึงขนาดที่ไร้ชีวิตชีวาเกินไปในสถานการณ์ความสมดุลของทั้งสามฝ่ายนี้ ต้องให้การช่วยเหลือและสนับสนุนที่เขาต้องการ การช่วยเหลือและสนับสนุนที่ไม่ต้องการถึงขนาดที่ไม่กล้าคิด ก็ต้องให้ด้วยเหมือนกัน
ครั้นแล้ว เขาจึงบอกกับว่านพั่วจวิน : “พั่วจวิน รอหลังจากงานก่อสร้างช่วงแรกของเราเสร็จสิ้น ให้ออกแบบแผนการเลื่อนขั้นฐานให้จอมพลคามก่อน จากนั้นเริ่มงานก่อสร้างช่วงแรกของฐานจอมพลคาม ถึงตอนนั้นต้นทุนทั้งหมด ให้สำนักว่านหลงเป็นคนรับผิดชอบ”
ว่านพั่วจวินพูดโดยไม่ต้องคิด : “ได้ครับคุณเย่ ผมเข้าใจแล้วครับ”
เย่เฉินพยักหน้า บอกกับคามมิต : “พี่ครับ ครั้งนี้ผมมาอยู่ได้ไม่นานมาก อีกไม่กี่ชั่วโมงต้องกลับไปแล้ว ทางนี้ยังมีเรื่องอีกไม่น้อยต้องจัดการ เลยไม่คุยเรื่องความหลังกับพี่แล้ว ไว้ครั้งหน้าผมมา เราค่อยหาเวลามารวมตัวกันนะครับ”
คามมิตพูดอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่หน่อย ๆ : “ศิษย์น้องเย่ นายมาตั้งไกล ก็อยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองเหรอ ? ไม่ว่ายังไงก็อยู่สักวันหนึ่งสิ ลองไปเดินเล่น ตรวจสอบงานที่พี่หน่อย ตอนนี้ที่นั่นของเราเปลี่ยนไปมากเลยเชียวนะ เคราะห์ดีที่ได้นายแท้ ๆ เลย ! ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...