เย่เฉินนิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดต่อ“อยากจะพัฒนาไปให้เร็วเหนือกว่าคนอื่น ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบความคิดที่มีในตอนนี้ ไม่มีคน หรือหาคนไม่ได้ หากยังหยุดอยู่ที่การแก้ปัญหาเรื่องหาลูกมือ ก็ยากที่จะทำการใหญ่ได้”
“คิดอยากจะทำการใหญ่นั้น รูปแบบโครงสร้างก็ต้องใหญ่พอ วิสาหกิจขนาดใหญ่เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาในแบบเดียวกันนี้ จะไม่มาขบคิดถึงวิธีการสร้างทีมตั้งแต่เริ่มต้น จากนั้นก็ค่อยไปคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทางออกแรกที่พวกเขาคิดนั้น คือการคว้านซื้อผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดที่คิดว่าเหมาะสมนั้นมา”
พูดจบ เย่เฉินก็พูดต่อ“อีลอน มัสก์จะไม่เสียเวลาและความพยายามอันมีค่า เพื่อสร้างทวิตเตอร์ด้วยตัวเอง แต่จะซื้อทวิตเตอร์นั้นมา สำหรับเขาแล้วมันคือวิธีที่ประหยัดที่สุด อันที่จริงเราเองก็เหมือนกัน หากยังต้องไปรับสมัครคนเข้ามา ตัวแปรในนี้ก็จะมีมากเกินไป ถึงคุณคาดว่าจะใช้เวลาสองปีในการแก้ปัญหานี้ได้ แต่หากทางด้านบุคลากรเกิดการเปลี่ยนแปลง ระยะเวลาตรงนี้ก็จะยืดยาวออกไปไม่มีกำหนด”
“ก่อนอื่นระยะเวลาในการรับสมัครนั้นจะต้องกินเวลามากกว่าที่คาดไว้ จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าภายในสามเดือนจะมีพนักงานที่เพียงพอ แต่เอาเข้าจริงอาจต้องใช้เวลานานถึงครึ่งปีหรือมากกว่านั้น ”
“ประการที่สองคือความมั่นคงของบุคลากร ทีมงานที่รับเข้ามาในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อทำการฝึกฝน แต่เมื่อคนที่รับเข้ามาแล้วได้รับการฝึกฝนจู่ๆก็จะลาออกไป อย่างนั้นแล้วเวลาที่ผ่านมาก็เท่ากับสูญเปล่า ทั้งรับสมัครและทั้งฝึกฝน ใช้เวลาในการเพียรพยายามกว่าครึ่งปี ถึงเวลาก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องวนลูปกลับไปในรูปแบบเดิมนี้อีกครั้ง ”
“นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่พนักงานมีความมั่นคงแล้วก็เพียงพอ ความมั่นคงที่ว่านั้น คือความสามารถที่พวกเขาจะแบกรับหน้าที่ที่มีของพวกเขาได้ ในส่วนนี้เรายังต้องลงทุนกับการลองผิดลองถูกอีก เพราะหากเลือกผิดคน ทุกอย่างก็ต้องวนลูปกลับไปที่เดิมอีกครั้ง ”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ใช้เวลาสามปีไม่แน่ว่าก็อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการได้”
หล่างหงจวินตอบกลับ“เป็นบริษัทสื่อสารที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา”
เย่เฉินถามต่อ“ บริษัทนั้นตอนนี้มีมูลค่าการตลาดเท่าไร?”
หล่างหงจวินครุ่นคิด แล้วกล่าว“หลายปีก่อนบริษัทเจริญรุ่งเรืองมาก มูลค่าตลาดสูงสุดแตะถึงหมื่นล้านเหรียญได้ แต่ด้วยสถานการณ์ฟองสบู่แตกที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการก็ดิ่งลง ตอนที่ผมถูกเลิกจ้างไปนั้น มูลค่าตลาดน่าจะอยู่ที่พันกว่าล้านเหรียญได้”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...