สถานที่นี้มีขนาดกว่าหลายหมื่นตารางเมตร เพดานของโลกใต้ดินที่มีความสูงกว่าสิบเมตร บวกกับเสาค้ำขนาดใหญ่ และแสงไฟด้านบนที่ส่องสว่างราวกับเวลากลางวัน ทำให้พื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ราวกับพระราชวังโบราณ บวกกับคนนับพันที่คุกเข่าลงตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียง แล้วในตอนที่พูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมกัน ทำเอาเสียงนั้นดังก้องกังวานไปทั่วชั้นใต้ดินจนสะเทือน
เย่เฉินมองดูกลุ่มคนเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และถามเสียงดัง“พวกเขาบังคับให้พวกคุณคุกเข่า หรือพวกคุณคุกเข่ากันเอง ?”
คำถามเดียว ทำเอาทหารหน่วยกล้าตายทั้งหมดถึงกับงุนงง
นี่เป็นครั้งแรก ที่พวกเขาได้ยินทูตพิเศษพูดอย่างอื่นนอกเหนือจากประโยคที่กำหนดเอาไว้
ส่วนประโยคที่กำหนดไว้นั้น ก็เป็นพวกให้ทุกคนพูดขอบคุณผู้มีพระคุณที่มอบยาแก้พิษให้ และให้ทุกคนทุ่มเทและจงรักภักดีกับผู้มีพระคุณอะไรประมาณนั้น
ดังนั้น ในความรู้สึกของพวกเขา ทูตพิเศษก็เป็นเหมือนวิทยุเทปในร่างของคน ทุกครั้งที่มามีเพียงแค่สองเรื่อง หนึ่งคือมาคอยเฝ้าดูทหารม้ากล้าแจกจ่ายยาให้กับทหารหน่วยกล้าตาย และอีกอย่างก็คือคอยพูดย้ำซ้ำๆเรื่องไร้สาระ ที่ทหารหน่วยกล้าตายไม่มีวันเชื่อและไม่คิดที่จะสนใจ
แต่จู่ๆเย่เฉินพูดโพล่งประโยคนี้ออกมา ทำเอาพวกเขาตกใจอย่างมาก ไม่เข้าใจว่าท่านทูตพิเศษคนนี้เป็นอะไรไป ถึงได้กล้าพูดคำนี้ออกมา แล้วยังใช้คำว่า“พวกเขา”อีกด้วย
พวกเขาที่ว่านี้เป็นใคร? พวกเขาที่ว่าก็คือองค์กรพั่วชิงไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่า ทูตพิเศษก็เป็นคนขององค์กรพั่วชิงด้วยไม่ใช่เหรอ?
เขาควรใช้คำว่า“พวกเรา” ไม่ใช่“พวกเขา”นี่นา!
ในขณะที่ทุกคนกำลังมึนงงสงสัยอยู่นั้น เย่เฉินก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง“ใครคือผู้สั่งการของพวกคุณ?ลุกขึ้นมาแล้วตอบ!”
การกระทำนี้ ทำเอาทหารหน่วยกล้าตายและครอบครัวต่างตกตะลึงจนตาค้าง
พวกเขาไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของทูตพิเศษคนไหนมาก่อน เพราะตามกฎขององค์กรพั่วชิง ทหารหน่วยกล้าตายสามารถพบเจอได้แค่ทหารม้ากล้าที่กำหนดเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ไม่สามารถจะพบเจอใครก็ตามในองค์กรได้ทั้งนั้น
เหตุผลนั้นก็เพราะ ตัวตนของทหารหน่วยกล้าตายนั้นพิเศษ หากพวกเขาออกไปข้างนอก นั่นคือการออกไปทำภารกิจสำคัญ ในระหว่างทำภารกิจนั้นจำเป็นต้องป้องกันพวกเขา ไม่ให้จดจำสมาชิกคนไหนในองค์กรพั่วชิงได้
ดังนั้น ทูตพิเศษทุกคนที่มาที่นี่ ก็จะสวมชุดคลุมสีดำ และปิดบังใบหน้าด้วยหมวกสีดำ
แต่ครั้งนี้ จู่ๆเย่เฉินกลับฝ่าฝืนกฎที่มีมาโดยตลอด ซึ่งทำเอาทหารหน่วยกล้าตายทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นกันขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...