ตั้งแต่ที่ซ่าจิ่วหลิงจำความได้ พ่อของเขาใช้การกระทำสอนเขาให้เข้าใจ ว่าชะตากรรมของทหารหน่วยกล้าตายนั้นลำเค็ญมาก แต่คนทุกรุ่นก็ยังคงยืนหยัดที่จะมีชีวิตต่อแล้วยังแพร่พันธุ์ประชากรขึ้นใหม่ โดยมีจุดประสงค์เดียว นั่นก็คือความหวังให้สายเลือดของตัวเอง ได้มีสักวัน ที่จะทำลายโซ่ตรวนนี้ขององค์กรพั่วชิง แล้วได้อิสรภาพอย่างแท้จริง
แต่เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นภูเขาที่เรียงรายกันหลายลูก และลูกแรกที่จะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ นั่นก็คือพิษในร่างกายที่จะสำแดงอาการตามระยะเวลาที่กำหนด
พิษชนิดนี้ ไม่มีคำพูดไหนที่จะบรรยายได้เลย
ไม่ว่าจะทหารหน่วยกล้าตายกี่คน ความพยายามอีกกี่รุ่น พวกเขาก็ไม่สามารถจะกำจัดพิษที่แปลกประหลาดนี้ออกไปได้
แม้ซ่าจิ่วหลิงจะไม่เคยลืมคำพร่ำสอนของพ่อ แต่ในใจของเขาก็รู้มันแก่ใจดี นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองจะสามารถทำสำเร็จได้
แล้วเขาเองก็ได้ฝากความหวังนี้ ไปยังที่ลูกชายของตัวเองแล้ว หรือไม่ก็ลูกในอนาคตของลูกชายเขาเอง
เช่นเดียวกับความคิดของทหารหน่วยกล้าตายแต่ละยุคที่ผ่านมา แม้ตัวเองจะไม่อาจทำลายโซ่ตรวนนี้ได้ แต่ลูกของตัวเอง และลูกของลูกในอนาคตของตัวเองจะต้องมีโอกาสนี้ ขอแค่พวกเขาบรรลุเป้าหมายนี้ได้ งั้นตัวเองก็นอนตายตาหลับแล้ว
และตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่า หลังจากที่เขากลืนยาแก้พิษที่เย่เฉินให้มา ก็สัมผัสได้ถึงพลังพิเศษที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หลอมรวมกับพิษที่อยู่ในร่างกายของตัวเอง
ฉับพลัน ยาแก้พิษกับพิษที่อยู่ในร่างกายก็ราวกับทำปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างต่อกัน จากนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หากพิษที่มีในร่างกายเป็นเหมือนโซ่เหล็กที่ฝังอยู่ตามเลือดเนื้อของซ่าจิ่วหลิงจนไม่อาจจะต้านทานได้ งั้นยาแก้พิษนี้ ก็เป็นเหมือนสารละลายโซ่เหล็ก แต่ก็กลับไม่ส่งผลอะไรกับเลือดเนื้อในร่างกาย หลอมละลายโซ่เหล็กที่มีนี้อย่างสะอาดหมดจด !
ในตอนนี้ ทหารหน่วยกล้าตายและครอบครัวของพวกเขาทุกคน สายตาต่างก็จ้องเขม็งมองมายังซ่าจิ่วหลิง
เย่เฉินมองดูเขา แล้วถามเสียงดัง“ซ่าจิ่วหลิง รู้สึกยังไงบ้าง?”
ซ่าจิ่วหลิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา รู้สึกตื่นเต้นและพูดอย่างตื้นตันใจที่สุด “ตอบคุณท่าน……ผม……พิษที่อยู่ในร่างกายของผม……ได้หายไปหมดแล้วครับ……”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่อยู่รอบๆกว่าพันคนก็พากันตกตะลึง ความตื่นเต้นบนใบหน้าของทุกคน สุดจะบรรยาย
ซ่าจิ่วหลิงหันกลับไปมองทหารหน่วยกล้าตายและครอบครัวที่อยู่ข้างๆและด้านหลัง แล้วหันกลับมามองที่เย่เฉิน สองมือผสานกันแล้วยกขึ้นเหนือหัว พูดตะโกนเสียงดัง“ท่านครับ!ท่านมีพลังอภินิหาร!ผมกับทหารหน่วยกล้าตายทุกคนเป็นทาสขององค์กรพั่วชิงมานานนับร้อยปี ไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวัน มีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น ได้โปรดช่วยพวกเราให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ด้วย ชีวิตนี้ของผม จะขอติดตามรับใช้และเชื่อฟังคำสั่งของท่านครับ!”
พูดจบ ก็ก้มลงกราบอีกครั้ง!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...