พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่เฉินวางแผนที่จะใช้สำนักว่านหลงมาช่วยพวกเขาแกไขปัญหาเรื่องการซื้อของง่ายเพียงเท่านั้น ฟังแล้วดูเป็นการระดมผู้คนมาเป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อนึกถึงว่าต่อไปทุกคนก็จะสามารถทำงานหาเงินได้อย่างปกติในทุกๆวัน เพื่อตัวเองและครอบครัว ซื้อของแต่ละอย่างจากโลกภายนอก ในใจของพวกเขาก็อดที่จะรอคอยไม่ได้เช่นกัน
โดยเฉพาะซ่าจิ่วหลิง เขาไม่ได้มีความอิสระสูงเหมือนกับหลี่เนี่ยนจง เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้หลี่เนี่ยนจงก็เป็นผู้นำธงของทหารม้ากล้า ถึงแม้ว่าผู้นำธงเองจะไม่มีค่าแรง แต่อย่างน้อยเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้านบน ความรู้ที่มีต่อโลกใบนี้ก็แข็งแกร่งกว่าซ่าจิ่วหลิงใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินมาเป็นเวลานาน และตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่แล้ว
เพื่อให้ลูกชายเข้าใจว่าโลกเป็นวงกลมนั้น ซ่าจิ่วหลิงใช้เวลาอธิบายอย่างต่อเนื่องอยู่หลายปี
แต่จนถึงวันนี้ลูกชายของเขายังไม่เคยได้ออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ไม่เคยเห็นโลกภายนอก ซ่าจิ่วหลิงตัวเขาเองแม้แต่ลูกโลกก็เอาออกมาไม่ได้เช่นกัน จึงไม่มีวิธีที่สมเหตุสมผลทำให้ลูกชายเข้าใจหลักการที่ง่ายที่สุดนี้
ถ้าหากเป็นแบบที่เย่เฉินพูดเริ่มเผยแพร่ขึ้นมา ตัวเองมีรายได้ เพียงต้องการแค่ไม่กี่ดอลลาร์ ก็สามารถซื้อลูกโลกได้หนึ่งอันมาอธิบายถึงองค์ประกอบที่แท้จริงของโลกใบนี้กับลูกชายได้
เวลานี้เย่เฉินเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “ใช่สิ การเลือกแรงงาน ผมหวังว่าพวกคุณสามารถยึดเป็นครอบครัวได้ ให้ทุกๆครอบครัวสามารถเลือกแรงงานที่แข็งแรงมาเข้าร่วม แบบนี้ถึงจะสามารถเกิดความเป็นธรรมขึ้นได้ในขอบเขตที่จำกัดที่สุด”
“ได้ครับท่าน!” ทั้งสองคนพยักหน้าตอบรับโดยไม่ต้องคิด ความคิดนี้ของเย่เฉิน ใจตรงกันกับที่พวกเขาคิดเอาไว้เช่นกัน
เย่เฉินเอ่ยพูดต่อ : “แล้วก็ คนในครอบครัวถ้าหากได้มาร่วมทำงานธุรการแนวหลัง ก็จะคิดเงินเดือนให้ตามประเภทและปริมาณของงานตามความเป็นจริง อีกอย่างถ้าหากเป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทุกคนทุกเดือนจะให้เงินสองร้อยดอลลาร์เป็นค่านม เงินก้อนนี้ให้ครอบครัวของพวกเขาเป็นคนรับและจัดการแทน”
ไม่ช้าเด็กๆและวัยรุ่นทีละกลุ่มๆ ก็เริ่มทยอยกันนั่งอุปกรณ์ยกของเหมืองขึ้นไป จนขึ้นมาถึงบนพื้นดินที่พวกเขาไม่เคยเหยียบมาก่อนในชีวิตนี้
ในบรรดาพวกเขานั้นมีเด็กทารกที่เพิ่งจะคลอดมาไม่กี่เดือน มีเด็กเพิ่งจะเรียนรู้ภาษา และยังมีวัยรุ่นที่ใกล้จะบรรลุนิติภาวะแล้วเหล่านั้นอีกด้วย
เพื่อให้เด็กๆเหล่านี้ได้รับรู้ถึงการได้มาเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นครั้งแรกใจชีวิต ครั้งนี้ผู้ใหญ่ทั้งหมดจึงไม่มีอยู่ในรายชื่อที่ขึ้นไปครั้งนี้ด้วย
แต่มีข้อยกเว้นหนึ่งนั่นก็คือเด็กที่อายุต่ำว่าสามขวบทุกคน แม่ของพวกเขาจะสามารถขึ้นมากับพวกเขาได้เพื่อเป็นคนคอยดูแล สัมผัสกับพระอาทิตย์ขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...