ไม่นาน พระอาทิตย์สีทองนั้น ออกมาบนพื้นผิวทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โลกที่ทอดสายตามองออกไป อาบไปด้วยท่ามกลางแสงแดดแรกเกิดนี้
สำหรับคนทั่วไปหลายร้อยล้านคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเขตเวลานี้ นี่เป็นเพียงวันปกติอีกทั้งยังเป็นวันธรรมดาๆวันหนึ่งเพียงเท่านั้น
แต่สำหรับเด็กๆเจ็ดร้อยกว่าคนนี้ เวลานี้ คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา!
เย่เฉินมองดูใบหน้าเด็กๆหลายร้อยคนที่ถูกแสงอาทิตย์สาดส่องมาแล้ว จึงเอ่ยพูดขึ้นกับหลี่เนี่ยนจง ซ่าจิ่วหลิงและว่านพั่วจวินว่า : “ก่อนหน้านี้ ชีวิตของพวกเขามืดมนมาเป็นเวลายาวนาน หลังจากวันนี้ไป พวกเขาจะมีแสงสว่างที่แท้จริงแล้ว!”
ว่าแล้ว ทันใดนั้นเองเขาก็ตัดสินใจ พลางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาด : “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องให้พวกเด็กๆเหล่านี้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อีกแล้ว! ใครที่อยากจะเรียนจริงๆ รอให้อายุครบสิบแปดปีแล้วค่อยเรียนก็ยังไม่สายไป!”
ซ่าจิ่วหลิงเอ่ยพูดขึ้นมาโดยจิตใต้สำนึก : “ท่านครับ ถ้าหากรอจนถึงอายุสิบแปดแล้วค่อยเรียนการต่อสู้ นั่นก็จะช้าเกินไปนะครับ.....”
“ช้า?” เย่เฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “อยากจะเรียนจริงๆ วันไหนก็ไม่ช้าไปหรอก!ผมไม่ให้พวกเขาเรียนศิลปะการต่อสู้ เพราะไม่อยากให้ช่วงวัยเด็กของพวกเขาต้องมาชดใช้กับองค์กรพั่วชิงมากเกินไป!”
“และยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากพวกเรารุ่นนี้สามารถขุดรากถอนโคนองค์กรพั่วชิงได้ เด็กๆเหล่านี้จะยังมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเรียนศิลปะการต่อสู้อีก?”
“เปรียบเทียบกับการเรียนศิลปะการต่อสู้ พวกเขายิ่งควรที่จะเดินออกมาจากที่นี่ ตั้งหลักปักฐานประเทศที่สงบสุขมั่นคงกับพ่อแม่ของพวกเขา ตั้งใจเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆให้ได้ เรียนวิชาเฉพาะทางที่ตัวเองสนใจ หลังจากนั้นก็หางานที่สามารถทำให้พวกเขาก่อร่างสร้างตัวได้ และสร้างคุณค่าของตัวพวกเขาเองในสังคม!”
“นี่ถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา!”
และซ่าจิ่วหลิงถึงได้รับรู้ว่าความคิดของตัวเองยังคงหยุดอยู่ในรูปแบบเมื่อก่อน
ว่าแล้วเย่เฉินก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ใช่สิ ยังมีอินเตอร์เน็ตอีก โยงเข้ามาสายหนึ่ง เตรียมพวกคอมพิวเตอร์เอาไว้ ให้เด็กๆรู้ว่าอะไรคืออินเตอร์เน็ต แต่อินเตอร์เน็ตจะให้พวกเด็กๆใช้เองไม่ได้เป็นการชั่วคราวก่อนแล้วกัน เพราะถึงอย่างไรก็เป็นการป้องกันว่าจะมีข้อมูลรั่วไหลออกไปโดยไม่ทันได้ระวังแล้วจะถูกองค์กรพั่วชิงจับได้เข้า”
ว่านพั่วจวินเอ่ยขึ้นโดยไม่ต้องคิด : “คุณเย่วางใจได้ครับ ผมจะจัดการทั้งหมดนี้ให้เหมาะสมครับ!”
เย่เฉินพยักหน้าลงเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นกับซ่าจิ่วหลิง : “ผ่านไปอีกยี่สิบนาที ก็พาเด็กๆลงไปก่อนนะ หลังจากนั้นก็ไปที่ห้องประชุม ทุกคนมาประชุมด้วยก่อนเสียหน่อย”
ซ่าจิ่วหลิงเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพนอบน้อม : “ได้ครับท่าน!”
เย่เฉินไม่ได้พูดอะไรอีก แต่พาว่านพั่วจวินและคนอื่นๆไปยังห้องประชุมก่อน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...