เอมิลี่เบะปากแล้วพูด“พระเจ้ากับฮวงจุ้ยมันคนละเรื่องกัน พระเจ้านั้นคือความเชื่อ หรือจะพูดว่า เป็นการตกผลึกของสติปัญญา ส่วนฮวงจุ้ย มันก็แค่กลอุบายที่เอามาหลอกลวงต้มตุ๋นให้คนหลงเชื่องมงายไปกับมันก็เท่านั้น ”
เย่เฉินโบกมือ และพูดเสียงเรียบ“ศาสตร์ลับที่แท้จริงของวิชาฮวงจุ้ยนั้น มันมาจากอี้จิงปากั้ว และ《อี้จิง》ถูกเขียนขึ้นในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก จนตอนนี้ก็มีมายาวนานกว่าสามพันปีแล้ว ประวัติของมัน ยาวนานกว่าสามศาสนาหลักในโลก ดังนั้น หากต่อไปคุณหวังจะพูดจะจาอะไร ก็ควรหาข้อมูลก่อนที่จะพูด เพื่อไม่ให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะทีหลังเอาได้”
เอมิลี่ไม่คิดว่าเย่เฉินจะพูดเยาะเย้ยตัวเองแบบนี้ ใบหน้าก็ถอดสีในทันที แต่ว่า 《อี้จิง》ที่เย่เฉินพูดนั้น เธอเองก็เคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่เคยรู้ลึกเกี่ยวกับมัน ดังนั้นเมื่อถูกเย่เฉินเยาะเย้ย เธอก็ไม่รู้จะโต้เถียงกลับไปยังไง
ดังนั้น เอมิลี่ก็จึงเอามือกอดอกแล้วเค้นเสียงหึในลำคอ เอ่ยถามเขา“หากคุณรู้ดีขนาดนี้ ก็ช่วยดูฮวงจุ้ยบนใบหน้าให้ฉันหน่อยสิ ให้ฉันได้ทดสอบวิชาฮวงจุ้ยที่คุณว่านี้ด้วยตนเองว่ามันจะแม่นสักแค่ไหน”
เดิมทีเย่เฉินก็ไม่ได้อยากจะสนใจเธอเท่าไร แต่พอมองสำรวจเธอแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำแล้วกล่าว“โธ่ นี่แค่มองเผินๆนะ เหมือนว่าโชคทางการงานของคุณหวังจะมีปัญหาใหญ่ซะแล้ว ”
“โชคการงาน?”เอมิลี่ผงะเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะแล้วกล่าว“คุณบอกว่าโชคทางการงานของฉันจะมีปัญหาใหญ่อย่างนั้นเหรอ?”
พูดมาถึงตรงนี้ เอมิลี่มองไปที่เย่เฉินด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน หัวเราะเยาะแล้วกล่าว“วันนี้ฉันเพิ่งได้เป็นหุ้นส่วนอาวุโส อนาคตสว่างไสว คุณกล้าดียังไงมาพูดว่าการงานของฉันจะพังไม่เป็นท่า?หรือดูจากรูปร่างหน้าตาของฉันเหรอ?ช่างน่าขำจริงๆ!”
เย่เฉินไม่โกรธที่ถูกเธอสวนกลับ แต่พูดอย่างใจเย็นว่า“วันนี้ใบหน้าของคุณมีสีแดงเลือดฝาดจริงๆ มีเรื่องดีเรื่องมงคล แต่หว่างคิ้วของคุณดุดันเกินไป ซึ่งแสดงว่านิสัยของคุณไม่ใช่คนดีอะไร บวกกับดวงตาของคุณแม้จะกลมโต แต่ถลนออกมาเล็กน้อย ดวงตาไร้แวว จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่า คุณเป็นคนจิตใจคับแคบ มีความชั่วร้ายซ่อนอยู่ภายใน และริมฝีปากคุณก็บางมาก เป็นคนปากคอเราะราย นี่คือแบบฉบับของคนที่ริมฝีปากบางและแหลม แสดงว่าโดยปรกติแล้วคุณมักจะชอบจิกกัดคนอื่น สร้างความเดือดร้อนหรือทะเลาะเบาะแว้ง นี่คือลักษณะเฉพาะของการสร้างปัญหาได้ง่าย”
เอมิลี่ยิ้มเยาะแล้วกล่าว“โอ้ การดูฮวงจุ้ยของคุณ คือการพูดจาให้ร้ายคนอื่นแบบนี้เหรอ?ตาฉันโตแล้วยังไง ริมฝีปากบางแล้วยังไง?แบบนี้คือการสร้างปัญหาได้ง่ายงั้นเหรอ?ทำไมคุณไม่พูดว่าฉันหุ่นดีหน้าตาสวย รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งกัน ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลังนเอ๋ย หม่าหลัน!! คุณมึงมีสิทธิ์ไปสอนคนอื่นด้วยหรอ ตัวคุณมึงเองยังทำที่พูดไม่ได้เลย ยังมีน่าไปสอนคนอื่น 555 สนุกมาๆเลยครับ เรื่องแรกเลยที่อ่านแล้วอินขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำออกมาให้อ่านครับ แต่ปรับให้ผญ.ที่เข้าหาพระเอก ไม่ต้องลุกหนักเกินไป มันดูน่าเบื่อ ดูขัดใจกับคนอ่าน เรื่องรักที่มีแต่พระเอกเข้าใจได้ แต่เรื่องที่อ่อยพระเอกขั้นสุด มันดูน่าเบื่อเกินไป ไม่ฟิน...
หม่าหลังนมากก...
สะใจมากกก...
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...