หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม : “ดูจากเหตุผลโดยทั่วไปแล้ว ซูจือหยูรับช่วงตำแหน่งผู้นำตระกูล พ่อของเธอ คุณลุงของเธอ และคุณอาของเธอไม่มีทางที่จะยอมรับเธอหรอก และซูเฉิงเฟิงไม่ได้อยู่ช่วยเธอกดสถานการณ์เอาไว้ที่ข้างกายเธออีกด้วย ว่ากันตามหลักแล้ว นี่ก็เหมือนเป็นตาชั่ง ด้านนี้เป็นซูจือหยูเอง อีกด้านหนึ่งเป็นผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคนของเธอ ด้านที่ตาชั่งถ่วงลงไปนั้น ต้องเป็นอาวุโสทั้งเจ็ดคนของเธออย่างแน่นอน สิทธิ์ในการควบคุมตระกูลของซูจือหยูจะต้องถูกตอดกินจนยกสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่คุณว่าเธอนั่งได้มั่งคงไม่สั่นคลอน ถ้าอย่างนั้นมีเพียงความเป็นได้เพียงอย่างเดียว……”
พูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดด้วยความจริงจัง ด้วยเสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย : “เบื้องหลังของซูจือหยู จะต้องมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าคอยช่วยเธอสยบสถานการณ์เอาไว้ หรือว่าตาชั่งที่พูดถึงเมื่อกี้นั่น คนคนนั้นยืนอยู่เบื้องหลังของซูจือหยู และสามารถกดฝั่งซูจือหยูเอาไว้ได้มาก ทำให้ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคนนั่นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย !”
ซุนจือต้งพูดอุทาน : “คุณหนูครับ จากการวิเคราะห์นี้ของคุณ คนคนนั้นก็คือเย่เฉินอย่างแน่นอนเลย !”
“ใช่แล้วค่ะ” หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า แล้วเอ่ยปาก : “แบบนี้ตรรกะทุกอย่างก็ราบรื่นแล้ว เย่เฉินเอาชนะตระกูลซูที่ภูเขาเย่หลิงซาน ถึงขนาดที่ระบุผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลซู แม้ว่าซูเฉิงเฟิงรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมากก็ตาม ก็ทำได้แต่จากหัวเซี่ยอย่างเศร้าซึม และต่อให้ลูกชายลูกสาวเจ็ดคนนั่นของเขาไม่เต็มใจ ก็ทำได้แต่ยอมรับแต่โดยดี ไม่กล้ามีความคิดขัดขืนใด ๆ ต่อซูจือหยู !”
ว่าแล้ว หลินหว่านเอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดชมเชย : “การต่อสู้ที่ภูเขาเย่หลิงซาน เย่เฉินชนะแท้ ๆ กลับบอกข้างนอกว่าแพ้ซะงั้น อีกทั้งบอกว่าพ่ายแพ้ป่นปี้จนทรัพย์สินเสียไปเกินครึ่ง อุบายนี้ของเย่เฉินเยี่ยมเหลือเกินจริง ๆ !”
ซุนจือต้งพูดสนับสนุน : “นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป หลาย ๆ ตระกูลไม่เห็นตระกูลเย่อยู่ในสายตา รู้สึกว่าพวกเขาได้สิ้นกำลังลงแล้ว ผมยังเคยเสียดายเรื่องนี้อยู่นานเลย แต่ว่าดูจากตอนนี้ นี่น่าจะเป็นความตั้งใจของเย่เฉิน !”
“เป็นเด็กผู้หญิงเหมือนกัน ?” หลินหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความตกใจ : “ปีนี้มันอะไรกัน ? การที่เด็กสาวเป็นผู้ปกครองเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปแล้ว ? หรือว่าเขาก็มีเรื่องราวอะไรกับเย่เฉินด้วยเหมือนกัน ?”
ซุนจือต้งรีบบอก : “อ้อ จริงด้วยครับคุณหนู บันทึกออกประเทศของเย่เฉินที่คุณให้ผมไปตรวจสอบ ผมพบว่าเขาเคยไปที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว อิโตะ นานาโกะก็รับช่วงตำแหน่งผู้นำตระกูล หลังจากที่เขาไปประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์วุ่นวายของสามตระกูลใหญ่ที่เป็นอันดับแรก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น เป็นตระกูลอิโตะที่ยิ้มจนถึงสุดท้าย แต่นางาฮิโกะ อิโตะก็เสียขาไปสองข้างด้วยเหตุนี้ด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากตอนนั้น ก็ถอยไปอยู่เบื้องหลัง และให้ลูกสาวเขามาดูแลสถานการณ์โดยรวมครับ”
ว่าแล้ว ซุนจือต้งก็บอกอีก : “ผมจำได้ว่าตอนนั้นทำให้โตเกียววุ่นวายไปทั่ว ลูกสาวและลูกชายของซูโสว่เต้าซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลซูถูกตระกูลหนึ่งของที่ประเทศญี่ปุ่นลักพาตัวไป เคราะห์ดีที่ทั้งสองคนหนีออกมาได้ เพื่อที่จะแก้แค้น ตระกูลซูส่งนักฆ่าไป และฆ่าตระกูลที่เป็นตัวการก่อเหตุทั้งบ้านนั้นเลยครับ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...