ในเวลาเดียวกัน
ณ เขตเมืองเก่าจินหลิง
ขบวนรถของตระกูลอานอันเป็นที่สะดุดตาได้แยกตัวกันก่อนเข้าสู่เขตเมืองเก่า ทำให้ไม่โดดเด่นเท่าไรนัก แต่รถทุกคันยังคงคุ้มกันยายและลุงของเย่เฉินอยู่ทั่วทุกทิศทางอย่างใกล้ชิด
และในคฤหาสน์หลังเก่าของบิดามารดาเย่เฉิน สองแม่ลูกตู้ไห่ชิงและซูจือหยูได้รับประทานทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
ซูจือหยูแต่งตัวรัดกุมเยบง่าย หยิบกระเป๋าถือของเธอแล้วพูดกับตู้ไห่ชิงว่า "แม่คะ หนูไปมหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์ก่อนนะคะ"
ตู้ไห่ชิงพยักหน้าแล้วพูดว่า "ขับรถดีๆ นะลูก แล้วจะกลับมากินข้าวตอนเที่ยงไหม?"
ซูจือหยูตอบว่า "หนูน่าจะไม่กลับมาตอนเที่ยงนะคะ ว่าจะกินข้าวกับจือชิวในโรงอาหารที่มหาวิทยาลัยค่ะ"
ในฐานะหนึ่งในผู้รับผิดชอบของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัด หลายวันมานี้ซูจือหยูอยู่กับเฮ่อจือชิวตลอดเวลา ให้เฮ่อหย่วนเจียงบิดาของเฮ่อจือชิวช่วยติวเสริมเป็นการเพิ่มพลัง
ตอนนี้กิจการของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนแบ่งการตลาดและรายได้จากการดำเนินงานก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ผลตอบแทนมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าเด็กสาวสองคนนี้จะยังไม่พบปัญหาใดในการดำเนินงาน แต่การพัฒนา ความเร็วของบริษัทเร็วมาก ทั้งคู่เป็นกังวลว่าความสามารถของตนจะมีขีดจำกัด ทำให้บริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดขาดประสบการณ์ ดังนั้นทั้งสองจึงไปหาเฮ่อหย่วนเจียงเพื่อเติมความรู้ในด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์ ณ ปัจจุบัน
เฮ่อหย่วนเจียงเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์อันดับต้น ๆ เขามีประสบการณ์และความรู้มากมาย สำหรับเด็กสาวทั้งสองคนแล้ว เขาเปรียบเสมือนมัคคุเทศก์ชั้นสูง
ซูจือหยูกำลังเปลี่ยนรองเท้าเตรียมพร้อมออกไปข้างนอก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูที่ลานบ้านดังขึ้น
เพื่อรักษาความรู้สึกดั้งเดิมของคฤหาสน์เก่าหลังนี้ไว้ให้ดีที่สุด ตู้ไห่ชิงยังคงเลือกใช้ประตูรั้วเหล็กเป็นประตูตรงลานบ้าน แม้ว่าจะไม่มีกริ่ง แต่เสียงเคาะก็เด่นชัดเหมือนเสียงระฆัง แม้แต่ในห้องก็ได้ยินชัดเจน
นายหญิงใหญ่อานที่อยู่ด้านนอกประตูมองไปทางตู้ไห่ชิง ยิ้มเล็กน้อยแล้วถามเธอว่า "ฉันขอรบกวนสอบถามหน่อยได้ไหม เธอคือตู้ไห่ชิงหรือไม่?"
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเรียกชื่อของเธอถูก ตู้ไห่ชิงจึงรีบตอบกลับอย่างสุภาพว่า "คุณป้าเกรงใจเกินไปแล้วละค่ะ ฉันชื่อตู้ไห่ชิง ว่าแต่คุณคือใครเหรอคะ?”
นายหญิงใหญ่อานยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า "ฉัน... ฉันเป็นแม่ยายของเย่ฉางอิง แม่ของอานเฉิงซี ชื่อว่าเวิงฮุ่ยอิน"
ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น ก็ได้ชี้ไปทางอานโฉงชิวที่อยู่ข้างๆ แนะนำขึ้นว่า "นี่คือลูกชายคนโตของฉัน และเป็นน้องชายของ เฉิงซีด้วย เขาคืออานโฉงชิว"
"หา?" ตู้ไห่ชิงมองไปทางนายหญิงใหญ่ด้วยความประหลาดใจ เธออุทานว่า "คุณคือป้าอัน! รีบเข้ามาเร็วเข้าค่ะ! คุณอานก็เชิญด้วยนะคะ!"
พูดจบ ก็ได้เปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...