ในวินาทีที่เย่เฉินออกพ้นประตูไป หลินหว่านเอ๋อร์ก็คาดเดาได้ ว่าเย่เฉินจะต้องย้อนกลับมา
ดังนั้น เธอก็จึงไม่ได้หย่อนใจคลายอารมณ์เลย แกล้งทำทีเป็นเก็บของของตัวเองอย่างสงบนิ่ง
ในตอนที่เย่เฉินกลับมาที่หน้าประตูห้องพักอีกครั้ง ประตูห้องยังคงเปิดอ้าอยู่ เขาผลักประตูแล้วเดินเข้ามา เอ่ยถามเสียงนิ่ง“หลินหว่านเอ๋อร์ ที่คุณเดินทางมาเมืองจินหลิง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
คำถามที่เอ่ยขึ้นอย่างฉับพลัน ทำเอาหลินหว่านเอ๋อร์ที่กำลังเก็บข้าวของอยู่ถึงกับต้องสะดุ้งตกใจ
อาการสะดุ้งตกใจนี้ ก็เป็นท่าทีที่เธอได้ซักซ้อมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเช่นกัน
เธอในตอนนี้ อุทานออกมาในเวลาที่พอเหมาะพอดี หันกลับมามองเย่เฉิน ประหม่าอย่างที่สุด เอ่ยถามอย่างระแวดระวังว่า“คุณ……คุณเป็นใครกัน?!”
เย่เฉินยิ้มเยาะ และถามเธอ“ตามมาถึงที่นี่ ยังมาถามผมอีกว่าผมเป็นใคร ดูจะปลอมไปหรือเปล่า?”
หลินหว่านเอ๋อร์มีท่าทีที่ตื่นตกใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก เธออดที่จะร่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งไม่ได้ พูดอย่างประหม่า“คุณ…… คุณเป็นใครกันแน่……ทำไมถึงรู้ชื่อหลินหว่านเอ๋อร์นี้ได้ ……”
เย่เฉินเค้นเสียงหึในลำคอแล้วพูดว่า“ทำไม?ยังจะเล่นละครอีกเหรอ?มา ผมจะให้คุณดูของชิ้นหนึ่ง!”
พูดจบ จากที่กระเป๋าของเขา หยิบเอาแหวนที่กระโดดดุกดิกไปมาอีกครั้งออกมา
และหลินหว่านเอ๋อร์เองก็ให้ความร่วมมือด้วยการแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก เอ่ยถามออกไปทันทีว่า“คุณมีแหวนวงนี้ได้ยังไง?! คืนมันให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
จากนั้น เธอก็ปรี่เข้ามาหา อยากจะคว้าเอากุญแจนั้นจากมือของเย่เฉิน
คิ้วของเย่เฉินขมวดมุ่น จากอากัปกิริยาของหลินหว่านเอ๋อร์ หญิงสาวคนนี้เหมือนจะจำตัวเองไม่ได้จริงๆ และจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองเคยได้พบเจอกับเธอมาก่อน จำไม่ได้ว่าตัวเองนั้นเคยได้ช่วยเธอเอาไว้ จำไม่ได้ว่าเป็นตัวเธอเองที่ส่งมอบแหวนนี้มาให้กับตัวเขาเอง
แต่ว่า เย่เฉินก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ดังนั้น เขาก็จึงชูแหวนขึ้นเหนือหัว พูดเสียงเย็นชา“แหวนวงนี้คุณเป็นคนให้ผมเองกับมือ คุณไม่อยากที่จะยอมรับหรือจำมันไม่ได้จริงๆ?”
“เป็นไปไม่ได้!”หลินหว่านเอ๋อร์พูดโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด“แหวนวงนี้เป็นสมบัติที่พ่อของฉันทิ้งไว้ให้!มันเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งสำหรับฉัน ไม่มีทางให้มันกับคุณอย่างแน่นอน!ต้องเป็นคุณที่ขโมยมันไปจากฉันแน่ๆ!พูดมา!ว่าคุณเป็นคนขององค์กรพั่วชิงใช่ไหม!”
เมื่อเย่เฉินได้ยินเธอเอ่ยพูดถึงองค์กรพั่วชิงคำนี้ออกมา ในใจก็ยิ่งจะสงสัยหนักมากขึ้น
เย่เฉินกล่าว“ไหนเล่าให้ฟังสิ!”
หลินหว่านเอ๋อร์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและพูดว่า“เรื่องที่ยุโรปเหนือฉันจำได้เพียง ฉันเก็บข้าวของเตรียมที่จะออกเดินทาง แต่ความทรงจำนั้นก็หายไป ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้หมดสติ ในตอนที่ฟื้นขึ้นมา คนที่อยู่รอบๆตัวส่วนใหญ่ถูกฆ่าตายเกือบทั้งหมด แหวนที่พ่อให้ฉันมา ก็หายไปด้วย”
เย่เฉินถามต่อ“คุณรู้อยู่แล้วว่าองค์กรพั่วชิงกำลังไล่ล่าคุณ แต่ทำไมคุณถึงยังมาเรียนที่มหาวิทยาลัยจินหลิงอย่างเปิดเผยอีก?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยท่าทีเหม่อลอย“หลบซ่อนไปตลอดไม่ใช่ทางออกที่ดี พวกเขาคิดว่าฉันจะซ่อนตัวอีกครั้ง และยิ่งห่างไกลออกไป แต่ฉันจะไปยังที่ที่ผู้คนพลุกพล่านและเปลี่ยนตัวตนในการใช้ชีวิตใหม่ ฉันคิดว่านี่ไม่เพียงเป็นการหลบซ่อนที่ดี แต่ยิ่งจะเป็นอะไรที่คาดคิดไม่ถึง ดังนั้นฉันก็จึงเลือกหัวเซี่ย”
เย่เฉินขมวดคิ้ว และเอ่ยถาม“ทำไมถึงเลือกมาที่เมืองจินหลิง?ทำไมถึงเป็นที่มหาวิทยาลัยจินหลิง?”
หลินหว่านเอ๋อร์ยังคงสงบนิ่งไม่ตื่นตระหนก ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา“เหตุผลที่มาเมืองจินหลิง เพราะคุณปู่ของฉัน มีเส้นสายอยู่บ้างที่เมืองจินหลิง สามารถจะช่วยให้ฉันเข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงได้”
“คุณปู่ของคุณ?”เย่เฉินถามต่อ “คุณปู่ของคุณเป็นใคร?”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบ“คุณปู่ของฉันเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆในมาเลเซีย ชิวอิงซาน”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...