เมื่อครู่จากคำบอกเล่าของหลินหว่านเอ๋อร์ เย่เฉินก็บังเอิญถามถึงความเป็นอยู่ในตอนนี้ของหลิวม่านฉง ทว่า หลังจากที่หลิวม่านฉงได้พูดมันออกมาเอง เขาก็ยังคงแสร้งเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“คุณมาทำงานที่มหาวิทยาลัยจินหลิงตั้งแต่เมื่อไร ?”
หลิวม่านฉงทำได้เพียงพูดอธิบายไปตามความจริง“เอ่อคือ……มหาวิทยาลัยจินหลิงมีโครงการเฟ้นหาเยาวชนผู้มีความสามารถ ฉันก็เลยลองยื่นใบสมัครมา จากนั้นก็ถูกเชิญมาสัมภาษณ์ และก็ผ่านการสัมภาษณ์มาได้……”
น้ำเสียงของหลิวม่านฉงกระวนกระวายใจ ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้
เย่เฉินรู้ ที่เธอมาเมืองจินหลิงคงน่าจะเพราะตัวเอง
เพียงแค่ว่า ในเวลาแบบนี้ เขาทำได้เพียงแกล้งทำเป็นโง่ ดังนั้นก็จึงพูดโดยไม่คิดอะไรว่า“แม้มหาวิทยาลัยจินหลิงจะสู้มหาวิทยาลัยฮ่องกางไม่ได้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าดีเยี่ยมอยู่เหมือนกัน ”
หลิวม่านฉงพยักหน้ารับเบาๆ แล้วมองไปที่เย่เฉิน พูดอึกๆอักๆ“ ฉัน……ฉันก็รู้สึกว่ามันดีเหมือนกัน……”
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆก็ราวกับเพิ่งจะได้สติ นวดคลึงไปที่ขมับ แล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจว่า“พี่ม่านฉง พี่รู้จักคุณคนนี้เหรอ?”
หลิวม่านฉงรีบตอบกลับไป“รู้จัก……เราเป็นเพื่อนกัน……”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างตื่นเต้น“ช่างบังเอิญจังเลย!”
หลิวม่านฉงพยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างขัดเขิน“ใช่……บังเอิญจริงๆ……”
หลินหว่านเอ๋อร์มองไปที่เย่เฉิน และพูดกับเย่เฉิน“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินหว่านเอ๋อร์ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ?”
เย่เฉินพูดเสียงเรียบ“ผมแซ่เย่ ชื่อเฉินคำเดียว”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดด้วยรอยยิ้ม“ สวัสดีค่ะพี่เย่เฉิน”
เย่เฉินยกยิ้มเล็กน้อย ถือเป็นการยิ้มตอบ ในใจแอบที่จะบ่นไม่ได้“ดูท่าหลินหว่านเอ๋อร์คงจำเราไม่ได้”
ทว่า เย่เฉินรู้ว่ามีหลิวม่านฉงอยู่ด้วย ตัวเองคงถามอะไรหลินหว่านเอ๋อร์ต่อไม่ได้ ก็จึงเอ่ยพูดว่า“เอ่อคือ น้องสาวของผมพวกเธอกำลังรอผมอยู่ ผมขอตัวก่อน คุณดูว่ามีเวลาว่างเมื่อไร ผมขอเลี้ยงข้าวแล้วกัน”
หลิวม่านฉงที่จู่ๆก็เผยตัวออกมา ในใจรู้สึกขัดเขินและไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินเย่เฉินบอกว่าจะเลี้ยงข้าวตัวเอง ก็ตอบรับคำอย่างไม่ลังเล เอ่ยพูดว่า“ค่ำๆในช่วงสองสามวันนี้ฉันไม่ได้มีธุระอะไร”
ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินจื๋อข่ายก็ส่งรายงานข้อมูลหนึ่งไปให้กับเย่เฉิน
ในนั้น คือวันเวลาที่ชิวอิงซานเข้ามาในประเทศ รวมไปถึงข้อมูลของคนทุกคนที่ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองจากมาเลเซียมายังเมืองจินหลิงพร้อมกันกับเขาทั้งหมด
ในนั้น มีชื่อของหลินหว่านเอ๋อร์ด้วย
อีกทั้ง พวกเขาก็เข้าเมืองมาได้สักระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ดูเหมือนว่า หลินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้โกหกตัวเอง เธอมาเมืองจินหลิงพร้อมกับชิวอิงซานจริงๆ
นอกจากนี้ ที่เมืองจินหลิงชิวอิงซานเองก็มีธุรกิจและรากฐานอยู่ มหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นเคยได้รับความกรุณาจากเขามาก่อนจริงๆ หลินหว่านเอ๋อร์อยากจะหาความเงียบสงบในเมืองที่พลุกพล่าน ชิวอิงซานได้จัดแจงให้เธอเข้าไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง ล้วนก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
สิ่งนี้ทำให้เย่เฉินยิ่งจะรู้สึกว่า หลินหว่านเอ๋อร์น่าจะไม่ได้พูดโกหกอะไร

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...