นับตั้งแต่วินาทีที่หมดสติไป อานฉี่ซานไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในมิติที่ว่างเปล่ามานานเท่าไหร่แล้ว
กระทั่งในที่สุดก็มีแสงที่ริบหรี่ปรากฏตรงหน้าเขาสักที
วินาทีนี้ จากการที่แสงอันริบหรี่นั่นปรากฏ สิ่งที่ตามมายังมีความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมาน รวมไปถึงความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงอย่างถึงขีดสุด
ยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงนี้ทำให้เขาไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ด้วย
ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเหมือนถูกอุณหภูมิที่อบอุ่นชนิดหนึ่งห่อหุ้มโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ทำให้ความเจ็บปวดบนร่างกายเขาได้รับการคลี่คลายในระดับที่แน่นอน
ถัดจากนั้นเขาก็ค้นพบอีกว่าความรู้สึกที่อบอุ่นนั่นกำลังผลักดันให้ตัวเองค่อย ๆ ลอยขึ้น
ต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตะโกนด้วยความตะลึงอยู่ข้างหู: “พี่เย่เฉิน!”
เสียงเรียกนี้ทำให้วิสัยทัศน์ของเย่เฉินค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับคืนมา
เมื่อเขาที่อ่อนแอลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา แล้วมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจน เขาก็ตะลึงจนตาค้างไปเลย!
เนื่องจากเขาค้นพบอย่างตะลึงว่า สตรีงงดงามที่โชว์ไหล่อันไร้ที่ติอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนตรงหน้านี้ก็คือหลินหว่านเอ๋อร์ที่มีความเป็นมาลึกลับนั่น!
เย่เฉินตกตะลึงหนักมาก! รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังฝันถึงเรื่องที่เหลือเชื่อ และอธิบายไม่ได้ด้วยตรรกะ ซึ่งแยกแยะไม่ได้แล้วว่าตกลงตัวเองตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่
หลินหว่านเอ๋อร์มองดูลักษณะท่าทีที่ตะลึงงันอย่างยิ่งของเย่เฉิน จึงยิ้มหวานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “พี่เย่เฉิน หว่านเอ๋อร์ยังไม่กลัวเลยค่ะ พี่กลัวอะไรเหรอคะ?”
เย่เฉินมองดูรอยยิ้มที่บริสุทธิ์และมีความยั่วเย้าปนอยู่เล็กน้อยของเธอ จึงรู้สึกตกใจกลัวเล็กน้อย รู้สึกแค่ว่าความเจ็บปวดตามร่างกายสลายหายไปภายในพริบตา
นอกเหนือจากนี้แล้ว ในส่วนลึกของหัวใจเขายังมีความรู้สึกราวกับชีวิตสงบสุขมากด้วย
เขาจึงอดพูดพึมพำไม่ได้: “แม่งเอ๊ย ฉันน่าจะตายแล้วมั้ง……แต่ตายแล้วก็ตายไปสิ ทำไมถึงได้เจอหลินหว่านเอ๋อร์ด้วย? อย่าบอกนะว่าเธอก็ตายไปแล้ว? นี่มันเพ้อเจ้อไปหน่อยนะ……ทั้ง ๆ ที่ฉันก็เคยกำชับเธอแล้วว่าให้เธออยู่ในมหาวิทยาลัยดี ๆ ……หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ความหลอนหลังความตาย?”
เมื่อพูดคำพูดเหล่านี้จบ เย่เฉินก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้
ถัดจากนั้น เย่เฉินก็สัมผัสได้อย่างเลือนลางว่ามีมือที่สะอาดเกลี้ยงเกลาคู่หนึ่งใช้แรงอุ้มใต้วงแขนตัวเองเอาไว้ อีกทั้งรั้งร่างตัวเองเอาไว้
ต่อมาร่างกายของฝ่ายตรงข้ามก็แนบติดกับร่างกายตัวเอง
ยิ่งกว่านั้นคือเขาสามารถสัมผัสได้ว่า วินาทีนี้หน้าอกที่อวบอัดของฝ่ายตรงข้ามกำลังแนบติดกับหน้าอกตัวเองแน่น ๆ
และตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามยังคงทุ่มสุดกำลังสามารถ เพื่อดึงตัวเขาขึ้นมาจากความอบอุ่นนั่นอยู่
ในเสี้ยววินาทีที่ใกล้จะถูกดึงออกมาจากน้ำ เย่เฉินก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เขาถามพึมพำ: “ทำไม……ทำไมเธอยังไม่ลืม……หรือว่า……หรือว่าเธอก็เป็นนักบำเพ็ญเพียรเหมือนกัน?!”
หลินหว่านเอ๋อร์หัวเราะอย่างเขินอาย: “ตอบกลับพี่เย่เฉินค่ะ หว่านเอ๋อร์ไม่ใช่นักบำเพ็ญเพียร หว่านเอ๋อร์แค่มีฐานร่างที่พิเศษ ซึ่งพี่ลบความทรงจำหนูไม่ได้หรอกค่ะ……!”
หลังจากพูดจบ เธอก็สัมผัสกับความรู้สึกที่ร่างกายตัวเองและเย่เฉินแนบติดกัน แล้วพูดอย่างเขินอายอย่างยิ่ง: “พี่เย่เฉินอย่าเพิ่งถามหว่านเอ๋อร์อะไรมากไปกว่านี้เลยค่ะ รอหลังจากหว่านเอ๋อร์จัดแจงเรื่องทุกอย่างให้พี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว หว่านเอ๋อร์จะพูดเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือกเอง จะไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย”
เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ
เขารู้อยู่ว่าการที่หลินหว่านเอ๋อร์อุ้มตัวเองนั้น มันทำให้เธอเหนื่อยมาก ๆ แล้ว จึงพยายามอยากออกแรงด้วยตนเองเพื่อช่วยหลินหว่านเอ๋อร์แบ่งเบาภาระ
แต่ทว่าทั้งร่างกายของเขา นอกจากสามารถลืมตาและพูดคุยแล้ว เขาก็แทบไม่ต่างอะไรจากคนเป็นอัมพาตเลย ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฉินรู้สึกโชคดีมากคือแม้นเขาจะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้แม้แต่น้อย แต่ตัวเองยังมีความรู้สึกเจ็บอยู่!
เมื่อมีความรู้สึกเจ็บ นั่นก็หมายความว่าตัวเองไม่ได้เป็นอัมพาตครึ่งซีกแต่อย่างใด
หลินหว่านเอ๋อร์ที่ผอมบางใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงจะค่อย ๆ อุ้มเย่เฉินกลับมาถึงห้องนอน อีกทั้งนำร่างเย่เฉินมาถึงห้องนอนบนชั้นสองอย่างยากลำบาก แล้วปล่อยตัวเขาให้นอนลงบนเตียงนอนของตัวเองอย่างระมัดระวัง
ในขั้นตอนทั้งหมดนี้ ทั้งสองต่างอยู่ในสภาพเปลือยกาย ร่างกายก็แนบติดกันตลอดมาเช่นกัน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...