ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5647

สรุปบท บทที่ 5647 มีเสน่ห์มนต์ขลังตั้งแต่โบราณกาล แม้แต่ดอกบัวพบเห็นยังต้องละอาย (1): ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

สรุปเนื้อหา บทที่ 5647 มีเสน่ห์มนต์ขลังตั้งแต่โบราณกาล แม้แต่ดอกบัวพบเห็นยังต้องละอาย (1) – ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน โดย เมฆทอง

บท บทที่ 5647 มีเสน่ห์มนต์ขลังตั้งแต่โบราณกาล แม้แต่ดอกบัวพบเห็นยังต้องละอาย (1) ของ ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน ในหมวดนิยายนิยาย จีน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมฆทอง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อเงาหลังของหลินหว่านเอ๋อร์หายไปจากยอดเขาลูกหนึ่ง ห้วงความคิดของเย่เฉินก็กลับจากส่วนลึกของภูเขาในเตียนหนานมาถึงโลกแห่งความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว 

วินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็เชื่อคำพูดของหลินหว่านเอ๋อร์โดยสิ้นเชิงเลย 

เชื่อว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีอายุคงอยู่มาตั้งแต่เมื่อสามร้อยปีก่อนจวบจนปัจจุบัน

ส่วนวินาทีนี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้เช่นกันว่า ทำไมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตัวเองถึงรู้สึกว่าหลินหว่านเอ๋อร์ไม่ธรรมดามาก ๆ แต่ก็มองไม่ทะลุสักทีว่าเธอมีปัญหาตรงไหนกันแน่

เธออายุสิบเจ็ดแปด แต่ก็เชี่ยวชาญเซียนทำนายกั้วที่ล่ายชิงหวาร่ำเรียนมาเกือบร้อยปีแต่ก็ไม่สำเร็จสักที 

เธออายุสิบเจ็ดแปด ถูกองค์กรพั่วชิงไล่ล่ามาโดยตลอด หากองค์กรพั่วชิงไล่ล่าเธอห้าปี เช่นนั้นก็หมายความว่าเริ่มตั้งแต่เธออายุ 12 ปี เธอก็เริ่มต่อกรกับองค์กรพั่วชิงอย่างกล้าหาญแล้วมิใช่หรือ?

ในขณะเดียวกันเธอที่อายุสิบเจ็ดแปด หลังจากแยกจากกันในยุโรปเหนือได้ไม่นาน เธอก็ปรากฏในจินหลิงอย่างแปลกประหลาด ปรากฏตรงหน้าตัวเอง ในโลกใบนี้จะมีเรื่องราวที่บังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?

และหญิงสาวที่ดูมีอายุสิบเจ็ดแปดคนนี้ สามารถวาดภาพภูเขาแม่น้ำได้ด้วยน้ำหมึก ว่าได้ดั่งเทพเหมือนเซียน ฝีมือในการวาดภาพนั่นแทบจะสามารถโค่นล้มจิตรกรทุกคนในประวัติศาสตร์ได้เลย……

และเริ่มตั้งแต่วินาทีที่เธอพูดความในใจออกมา คำถามเหล่านี้ก็มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลขึ้นมาภายในพริบตา 

ยกตัวอย่างเช่นระดับฝีมือในการวาดภาพ เธอใช้ระยะเวลาสามร้อยกว่าปีไปทำความเข้าใจกับการวาดภาพ ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่จิตรกรคนอื่น ๆ สามารถเทียบเคียงได้เลยด้วยซ้ำ 

และการทำนายดวงชะตาก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน

ล่ายชิงหวาอายุยังไม่ถึงร้อย หลินหว่านเอ๋อร์กลับมีอายุสามร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งช่วงระยะความต่างของทั้งสองเป็นสิ่งที่ไม่ต้องอธิบายก็พอจะมองเห็นได้แล้ว

ในขณะเดียวกัน เย่เฉินก็ค้นพบเช่นกันว่าบุคลิกลักษณะภายนอกของหลินหว่านเอ๋อร์อยู่ตรงหน้านี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกกิริยาท่าทางของเธอในวินาทีนี้ล้วนทำให้เย่เฉินเกิดความรู้สึก“มีเสน่ห์มนต์ขลังตั้งแต่โบราณกาลมา แม้แต่ดอกบัวพบเห็นยังต้องละอาย”

สรรพนาม“ข้าน้อย”ที่สตรีในยุคโบราณของประเทศจีนเรียกแทนตนเอง ยิ่งทำให้เย่เฉินรู้สึกว่าหลินหว่านเอ๋อร์เป็นแมวตัวหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนพื้น แล้วนอนรอให้ทาสแมวไปเกาเล่น นำความลับและจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตนเปิดเผยต่อหน้าตัวเอง 

หลินหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเย่เฉินในตอนนี้ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาจากความช็อกได้สักที ดังนั้นจึงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด: “ได้โปรดคุณชายให้อภัยด้วยนะเจ้าคะ ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณชายตื่นกลัว เพียงแต่คุณชายถามถึง ข้าน้อยไม่กล้าโกหก ดังนั้นจึงทำได้เพียงบอกเล่าความจริงออกมา……”

เขาทำจิตให้สงบอยู่ครู่หนึ่ง มองหน้าหลินหว่านเอ๋อร์แล้วถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ: “เธอเดินทางข้ามผ่านเวลามาจากเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนหรือ หรือว่ามีชีวิตคงอยู่ตั้งแต่เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนกระทั่งปัจจุบัน?”

หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับ: “ตอบกลับคุณชาย ข้าน้อยมีชีวิตคงอยู่มาจวบจนปัจจุบันเลยเจ้าค่ะ”

เย่เฉินรู้สึกช็อกอย่างยิ่ง พลางพูดพึมพำ: “สามร้อยปีก่อน เธอมองดูต้นชาต้นนั้นพ้นบาปในเตียนหนาน……แล้ว……แล้วปีนี้เธอมีอายุเท่าไหร่แล้ว?”

ทันทีที่พูดคำว่า“ท่าน”ออกมา เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีความไม่สบายใจกระพริบผ่านไปในแววตาที่งดงามคู่นั้นของหลินหว่านเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูด: “ไม่ใช่ คือฉันอยากจะบอกว่า……”

ความรู้สึกที่ไม่สบายใจนั้นของหลินหว่านเอ๋อร์สลายหายไปทันที เธอยิ้มหวานแล้วถามยังอายเหนียม: “คุณชายอยากพูดอะไรหรือเจ้าคะ? ข้าน้อยกำลังฟังอยู่เจ้าค่ะ”

เย่เฉินถามอย่างรู้สึกแปลกใจ: “ทำไมเธอมีอายุมาเกือบสี่ร้อยปีแล้ว แต่ยังดูสาวขนาดนี้อยู่อีก?! ยิ่งไปกว่านั้นคือ……เธอดูไม่เหมือนเด็กอายุ 18 เลยด้วยซ้ำ……ต่อให้ใช้ยาอายุวัฒนะมาโดยตลอด ก็ไม่มีทางทำให้เธอกลับคืนเป็นสาวแบบนี้ได้หรอกมั้ง?”

หลินหว่านเอ๋อร์รีบอธิบาย: “คุณชายเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้กลับคืนเป็นสาวแต่อย่างใด เพียงแต่เริ่มตั้งแต่อายุ 17 โฉมหน้าและร่างกายของข้าน้อยก็เป็นอย่างทุกวันนี้เลย เวลาล่วงเลยมาสามร้อยกว่าปี แต่ก็ไม่เคยแก่ชราลงเลย”

เย่เฉินที่ได้ยินแบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกช็อกมากกว่าเดิม เขาโพล่งออกมา: “นะ……นี่มันจะมีทางเป็นไปได้ยังไง……ร่างกายของตัวเธอเองไม่มีปราณทิพย์ ต่อให้เชี่ยวชาญในปราณทิพย์ ก็ไม่มีทางรักษาให้โฉมหน้าอยู่ในสภาพนี้ได้ตลอดไปนะ……”

หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับ: “ในเมื่อคุณชายเชี่ยวชาญการฝึกฝน แล้วไม่ทราบว่าคุณชายเคยได้ยินยาจงเจริญหรือไม่เจ้าคะ?”

เย่เฉินส่ายหน้า: “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย……ประสิทธิผลของยาประเภทนี้มันคืออะไรหรือ?”

หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับอย่างจริงจัง: “หลังจากกินยาจงเจริญลงไปแล้ว อายุขัยจะสามารถยืดถึงห้าร้อยปี ภายในระยะเวลาห้าร้อยปีนี้ ใบหน้าจะคงกระพัน ซึ่งข้าน้อยก็กินมันนี่แหละเจ้าค่ะ ถึงมีชีวิตคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้”

เย่เฉินเบิกตากว้าง: “มียาที่มหัศจรรย์เช่นนี้จริง ๆ หรือ?!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน