เมื่อเงาหลังของหลินหว่านเอ๋อร์หายไปจากยอดเขาลูกหนึ่ง ห้วงความคิดของเย่เฉินก็กลับจากส่วนลึกของภูเขาในเตียนหนานมาถึงโลกแห่งความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
วินาทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็เชื่อคำพูดของหลินหว่านเอ๋อร์โดยสิ้นเชิงเลย
เชื่อว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีอายุคงอยู่มาตั้งแต่เมื่อสามร้อยปีก่อนจวบจนปัจจุบัน
ส่วนวินาทีนี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้เช่นกันว่า ทำไมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตัวเองถึงรู้สึกว่าหลินหว่านเอ๋อร์ไม่ธรรมดามาก ๆ แต่ก็มองไม่ทะลุสักทีว่าเธอมีปัญหาตรงไหนกันแน่
เธออายุสิบเจ็ดแปด แต่ก็เชี่ยวชาญเซียนทำนายกั้วที่ล่ายชิงหวาร่ำเรียนมาเกือบร้อยปีแต่ก็ไม่สำเร็จสักที
เธออายุสิบเจ็ดแปด ถูกองค์กรพั่วชิงไล่ล่ามาโดยตลอด หากองค์กรพั่วชิงไล่ล่าเธอห้าปี เช่นนั้นก็หมายความว่าเริ่มตั้งแต่เธออายุ 12 ปี เธอก็เริ่มต่อกรกับองค์กรพั่วชิงอย่างกล้าหาญแล้วมิใช่หรือ?
ในขณะเดียวกันเธอที่อายุสิบเจ็ดแปด หลังจากแยกจากกันในยุโรปเหนือได้ไม่นาน เธอก็ปรากฏในจินหลิงอย่างแปลกประหลาด ปรากฏตรงหน้าตัวเอง ในโลกใบนี้จะมีเรื่องราวที่บังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?
และหญิงสาวที่ดูมีอายุสิบเจ็ดแปดคนนี้ สามารถวาดภาพภูเขาแม่น้ำได้ด้วยน้ำหมึก ว่าได้ดั่งเทพเหมือนเซียน ฝีมือในการวาดภาพนั่นแทบจะสามารถโค่นล้มจิตรกรทุกคนในประวัติศาสตร์ได้เลย……
และเริ่มตั้งแต่วินาทีที่เธอพูดความในใจออกมา คำถามเหล่านี้ก็มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลขึ้นมาภายในพริบตา
ยกตัวอย่างเช่นระดับฝีมือในการวาดภาพ เธอใช้ระยะเวลาสามร้อยกว่าปีไปทำความเข้าใจกับการวาดภาพ ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่จิตรกรคนอื่น ๆ สามารถเทียบเคียงได้เลยด้วยซ้ำ
และการทำนายดวงชะตาก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน
ล่ายชิงหวาอายุยังไม่ถึงร้อย หลินหว่านเอ๋อร์กลับมีอายุสามร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งช่วงระยะความต่างของทั้งสองเป็นสิ่งที่ไม่ต้องอธิบายก็พอจะมองเห็นได้แล้ว
ในขณะเดียวกัน เย่เฉินก็ค้นพบเช่นกันว่าบุคลิกลักษณะภายนอกของหลินหว่านเอ๋อร์อยู่ตรงหน้านี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกกิริยาท่าทางของเธอในวินาทีนี้ล้วนทำให้เย่เฉินเกิดความรู้สึก“มีเสน่ห์มนต์ขลังตั้งแต่โบราณกาลมา แม้แต่ดอกบัวพบเห็นยังต้องละอาย”
สรรพนาม“ข้าน้อย”ที่สตรีในยุคโบราณของประเทศจีนเรียกแทนตนเอง ยิ่งทำให้เย่เฉินรู้สึกว่าหลินหว่านเอ๋อร์เป็นแมวตัวหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนพื้น แล้วนอนรอให้ทาสแมวไปเกาเล่น นำความลับและจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตนเปิดเผยต่อหน้าตัวเอง
หลินหว่านเอ๋อร์เห็นว่าเย่เฉินในตอนนี้ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาจากความช็อกได้สักที ดังนั้นจึงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด: “ได้โปรดคุณชายให้อภัยด้วยนะเจ้าคะ ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณชายตื่นกลัว เพียงแต่คุณชายถามถึง ข้าน้อยไม่กล้าโกหก ดังนั้นจึงทำได้เพียงบอกเล่าความจริงออกมา……”
เขาทำจิตให้สงบอยู่ครู่หนึ่ง มองหน้าหลินหว่านเอ๋อร์แล้วถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ: “เธอเดินทางข้ามผ่านเวลามาจากเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนหรือ หรือว่ามีชีวิตคงอยู่ตั้งแต่เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนกระทั่งปัจจุบัน?”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับ: “ตอบกลับคุณชาย ข้าน้อยมีชีวิตคงอยู่มาจวบจนปัจจุบันเลยเจ้าค่ะ”
เย่เฉินรู้สึกช็อกอย่างยิ่ง พลางพูดพึมพำ: “สามร้อยปีก่อน เธอมองดูต้นชาต้นนั้นพ้นบาปในเตียนหนาน……แล้ว……แล้วปีนี้เธอมีอายุเท่าไหร่แล้ว?”
ทันทีที่พูดคำว่า“ท่าน”ออกมา เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีความไม่สบายใจกระพริบผ่านไปในแววตาที่งดงามคู่นั้นของหลินหว่านเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูด: “ไม่ใช่ คือฉันอยากจะบอกว่า……”
ความรู้สึกที่ไม่สบายใจนั้นของหลินหว่านเอ๋อร์สลายหายไปทันที เธอยิ้มหวานแล้วถามยังอายเหนียม: “คุณชายอยากพูดอะไรหรือเจ้าคะ? ข้าน้อยกำลังฟังอยู่เจ้าค่ะ”
เย่เฉินถามอย่างรู้สึกแปลกใจ: “ทำไมเธอมีอายุมาเกือบสี่ร้อยปีแล้ว แต่ยังดูสาวขนาดนี้อยู่อีก?! ยิ่งไปกว่านั้นคือ……เธอดูไม่เหมือนเด็กอายุ 18 เลยด้วยซ้ำ……ต่อให้ใช้ยาอายุวัฒนะมาโดยตลอด ก็ไม่มีทางทำให้เธอกลับคืนเป็นสาวแบบนี้ได้หรอกมั้ง?”
หลินหว่านเอ๋อร์รีบอธิบาย: “คุณชายเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้กลับคืนเป็นสาวแต่อย่างใด เพียงแต่เริ่มตั้งแต่อายุ 17 โฉมหน้าและร่างกายของข้าน้อยก็เป็นอย่างทุกวันนี้เลย เวลาล่วงเลยมาสามร้อยกว่าปี แต่ก็ไม่เคยแก่ชราลงเลย”
เย่เฉินที่ได้ยินแบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกช็อกมากกว่าเดิม เขาโพล่งออกมา: “นะ……นี่มันจะมีทางเป็นไปได้ยังไง……ร่างกายของตัวเธอเองไม่มีปราณทิพย์ ต่อให้เชี่ยวชาญในปราณทิพย์ ก็ไม่มีทางรักษาให้โฉมหน้าอยู่ในสภาพนี้ได้ตลอดไปนะ……”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับ: “ในเมื่อคุณชายเชี่ยวชาญการฝึกฝน แล้วไม่ทราบว่าคุณชายเคยได้ยินยาจงเจริญหรือไม่เจ้าคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า: “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย……ประสิทธิผลของยาประเภทนี้มันคืออะไรหรือ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับอย่างจริงจัง: “หลังจากกินยาจงเจริญลงไปแล้ว อายุขัยจะสามารถยืดถึงห้าร้อยปี ภายในระยะเวลาห้าร้อยปีนี้ ใบหน้าจะคงกระพัน ซึ่งข้าน้อยก็กินมันนี่แหละเจ้าค่ะ ถึงมีชีวิตคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้”
เย่เฉินเบิกตากว้าง: “มียาที่มหัศจรรย์เช่นนี้จริง ๆ หรือ?!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...