“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ”หลังจากหลินหว่านเอ๋อร์พูดจบ เธอก็มองไปทางตำแหน่งที่ตั้งป้ายวิญญาณบูชาของพ่อตนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วพูดอย่างจริงจัง: “ข้าน้อยขอสาบานต่อหน้าป้ายวิญญาณท่านพ่อ ทุกคำพูดที่ข้าน้อยพูดกับคุณชายในวันนี้ ล้วนจะไม่มีการปิดบังและหลอกลวงใด ๆ การปิดบังในก่อนหน้านี้ เป็นเพราะข้าน้อยจนปัญญาจริง ๆ ได้โปรดคุณชายช่วยให้อภัยด้วยนะเจ้าคะ”
เย่เฉินมองไปตามสายตาของเธอ พบว่าบนป้ายวิญญาณนั่นมีคำว่า: ป้ายวิญญาณท่านพ่อหลินจู๋ว์หลู เขียนอยู่
วินาทีนี้ เย่เฉินไม่สงสัยในคำพูดของหลินหว่านเอ๋อร์อีกต่อไปแล้ว เขาระงับความตะลึงในใจเอาไว้พลางเอ่ยปากสอบถาม: “ยาจงเจริญที่เธอกิน เป็นยาที่ท่านพ่อเธอให้เธอเหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์หันกลับไปมองตำแหน่งป้ายวิญญาณของพ่อตัวเองอีกครั้ง แล้วตอบกลับ: “ใช่เจ้าค่ะ ยาจงเจริญเป็นยาที่ท่านพ่อให้ข้าน้อยก่อนท่านจะสิ้นชีพ”
พอพูดจบ เย่เฉินก็ถามอีกว่า: “อ้อใช่สิ รบกวนเธอพยายามใช้คำว่า‘ฉัน’เรียกแทนตัวเองดีกว่า เอาแต่ข้านงข้าน้อย ฉันที่เป็นคนที่กำเนิดในยุคปัจจุบันรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินจริง ๆ”
“ก็ได้เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะพยายาม……”หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก: “ย้อนกลับไปถึงคำถามในเมื่อครู่นี้ของคุณชาย เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน เมื่อข้ามีอายุ 17 ปีอย่างแท้จริง ขณะที่ยังเรียนการเย็บปักถักร้อยในห้องนอนในเตียนหนาน จู่ ๆ ท่านพ่อที่อยู่ห่างไกลกันเป็นพันลี้กลับปรากฏต่อหน้าข้า อันที่จริงท่านเมื่อครั้นนั้นก็เป็นอย่างคุณชายในวันนี้นี่แหละ ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยบาดแผล……”
“ข้าจัดแจงเรื่องราวทุกอย่างของท่านพ่ออย่างลนลาน ท่านพ่อนำยานิรนามเม็ดหนึ่งให้แก่ข้า บอกให้ข้าไม่ต้องถามอะไรมากแล้วกินมันลงไปแต่โดยดี;”
“ข้าไม่ทราบว่ายาเม็ดนั้นมีประสิทธิผลอย่างไร ทว่ากลับขัดขืนคำสั่งของท่านพ่อไม่ได้ ดังนั้นจึงกินยาเม็ดนั้นลงไป หลังจากกินมันลงไปแล้ว ท่านพ่อถึงจะบอกข้าว่ามันคือยาอะไรและมีประสิทธิผลอย่างไร……”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ดวงตาเธอก็แดงก่ำ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา: “ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดท่านพ่อจึงไม่กินมันเอง แต่นำยาจงเจริญให้แก่ข้านั้น ท่านบอกว่าเป็นเพราะสักวันในอนาคตท่านไม่อยากให้ตัวเองที่เป็นพ่อ ต้องมองดูข้าน้อยแก่ชราแล้วตายไปต่อหน้าต่อตาท่าน……”
“ท่านพ่อยังบอกอีกด้วยว่าหากมียาชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ท่านมีชีวิตคงอยู่ได้ตลอดไป แล้วต้องมองดูลูกสาวของตนเองค่อย ๆ แก่ชรา และค่อย ๆ ตายจากไป เช่นนั้นยาประเภทนั้นจะไม่ใช่ยาเซียน แต่เป็นยาพิษ……”
“ท่านพ่อบอกว่าท่านต้องตายต่อหน้าข้าเท่านั้น ท่านถึงจะตายตาหลับ ส่วนข้านั้นยังสาว ยังไม่มีคู่ครอง ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ฉะนั้นหลังจากข้ากินยาจงเจริญลงไปแล้ว ก็จะสามารถใช้ชีวิตดี ๆ ต่อไปได้ กระทั่งมีชีวิตคงอยู่นานห้าร้อยปี……”
จู่ ๆ เย่เฉินก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดโพล่งออกมา: “เธอบอกว่าอายุเธอสามร้อยกว่าปีแล้ว งั้นลูกของเธอก็……”
หลินหว่านเอ๋อร์กลอกตามองบนใส่เย่เฉินอย่างรู้สึกเอือมรอบหนึ่ง แล้วพูดอย่างโกรธเคือง: “คุณชายเจ้าคะ แม้นข้าน้อยจะมีอายุคงอยู่มาสามร้อยกว่าปี ทว่าข้ายังเป็นสาวที่บริสุทธิ์อยู่นะเจ้าคะ ไม่เคยสมรสมาก่อน……มิหนำซ้ำ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ข้าน้อยก็ถูกไล่ล่ามาโดยตลอด ต้องเปลี่ยนถิ่นที่อยู่อาศัยเป็นระยะ เปลี่ยนแปลงตัวตนและใช้ชีวิตใหม่ แล้วจะมีลูกได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ……”
“อ้อ ๆ ……”เย่เฉินรีบพูดด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด: “ขอโทษทีนะ ๆ มันคือความผิดของฉันเอง”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างโศกเศร้า: “เมื่อนั้นท่านพ่อเคยกำชับกับข้าน้อยโดยเฉพาะว่า หากไม่อยากมีข้อผูกมัดที่มากเกินไป สี่ร้อยปีก่อนหน้าข้าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตร ไม่สามารถสมรส……”
หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หลินหว่านเอ๋อร์จะพูดต่อด้วยสีหน้าอารมณ์ที่เศร้าโศก: “แต่ทว่าท่านพ่อเมื่อครานั้นบอกว่า อย่างมากสุดใช้เวลาอีกครึ่งเดือน ผู้ที่ทำให้ท่านบาดเจ็บก็สามารถเร่งเดินทางมาถึงเตียนหนานแล้ว ฉะนั้นจึงเร่งให้ข้านำแหวนวงนั้นแล้วออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามตามมาถึงที่ แต่ข้ากลับทอดทิ้งท่านแล้วจากไปคนเดียวไม่ได้ตลอดมา……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ: “ในวันที่ 7 ที่ท่านพ่อถูกแหวนส่งกลับมายังเตียนหนาน ท่านใช้ช่วงจังหวะที่ข้าออกไปซื้อยา ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับก่อนจะตัดเส้นลมปราณฆ่าตัวตาย……”
น้ำตาอุ่น ๆ ไหลนองลงมาจากเบ้าตาทั้งสองข้าง หลินหว่านเอ๋อร์รีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาแล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น: “หลังจากข้านำร่างของท่านพ่อไปฝังเสร็จ ข้าก็ออกจากบ้านเลย และเริ่มหนีเอาชีวิตรอดอย่างต่อเนื่องมาสามร้อยกว่าปี……”
เย่เฉินพูดอย่างตะลึง: “ตลอดช่วงเวลาสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ เธอถูกไล่ล่ามาโดยตลอดเลยหรือ?! ถูกใครไล่ล่า? องค์กรพั่วชิงหรือ?!”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับด้วยสีหน้าอารมณ์ที่ซับซ้อน: “อันที่จริงองค์กรพั่วชิงนั้น เป็นองค์กรที่ท่านพ่อและพี่น้องร่วมสาบานที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมสงครามและเพื่อนสนิทของท่านก่อตั้งขึ้นมาในปี 1644 พวกท่านทั้งสองก่อตั้งองค์กรพั่วชิงขึ้นมา ก็เพื่อขับไล่ชาวมองโกเลียและชาวแมนจู โค่นชิงฟื้นหมิง แต่ทว่าหลังจากท่านพ่อข้าตายไปแล้ว องค์กรพั่วชิงก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชื่อท่านอีกต่อไป ซึ่งผู้ที่ไล่ล่าข้าก็คือองค์กรพั่วชิงในภายหลัง รวมไปถึงผู้มีพระคุณแห่งองค์กรพั่วชิงในภายหลัง”
เย่เฉินพูดโพล่งออกมา: “หรือว่าผู้มีพระคุณแห่งองค์กรพั่วชิงในภายหลังคืออู๋เฟยหยางนั่น?!”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าแล้วตอบกลับ: “ผู้มีพระคุณในภายหลังขององค์กรพั่วชิงคือน้องสาวของอู๋เฟยหยาง อู๋เฟยเยี่ยน!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...