ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5649

สรุปบท บทที่ 5649 เรื่องราวในอดีตเมื่อร้อยปีก่อน (1): ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

อ่านสรุป บทที่ 5649 เรื่องราวในอดีตเมื่อร้อยปีก่อน (1) จาก ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน โดย เมฆทอง

บทที่ บทที่ 5649 เรื่องราวในอดีตเมื่อร้อยปีก่อน (1) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย จีน ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมฆทอง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“อู๋เฟยเยี่ยน?”

เย่เฉินเบิกตากว้าง: “ผู้มีพระคุณนั่นขององค์กรพั่วชิงคือผู้หญิงคนหนึ่งหรือ?!”

“เจ้าค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า กัดฟันกรอดแล้วพูด: “ไม่เพียงเป็นผู้หญิงเท่านั้น ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลกด้วย!”

เย่เฉินถามอย่างตะลึง: “นางเป็นน้องสาวของเพื่อนพ่อเธอ งั้นก็แสดงว่านางก็มีชีวิตคงอยู่มาสามสี่ร้อยปีแล้วมิใช่หรือ?!”

หลินหว่านเอ๋อร์นึกคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ: “อู๋เฟยเยี่ยนเด็กกว่าท่านพ่อข้าหนึ่งปี โตกว่าข้า 23 ปี ปัจจุบันมันมีอายุสี่ร้อยกว่าปีแล้ว”

เย่เฉินพูด: “งั้นนางก็น่าจะกินยาจงเจริญเหมือนกันสินะ?”

“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างทอดถอนใจ: “ยาจงเจริญ เป็นยาที่อาจารย์ของท่านพ่อและอู๋เฟยเยี่ยนมอบให้พวกท่านทั้งสองก่อนสิ้นอายุขัย เดิมทีทั้งคู่ได้มาคนละเม็ด เพื่อหวังว่าพวกท่านจะสามารถทำให้ยุคราชวงศ์ชิงเฟื่องฟูต่อไปได้;”

“นอกจากได้รับยาจงเจริญคนละเม็ดแล้ว ซือกงยังนำแหวนวงนั้นบนมือคุณชายฝากให้ท่านพ่อด้วย ให้ท่านพ่อดูแลรักษามันดี ๆ สักวันเมื่อโอกาสมาถึง ก็จะได้รับตำรับยา วรยุทธ์ที่ท่านทิ้งไว้ เล่ากันว่าในจำนวนสมบัติทั้งหมดที่ซือกงทิ้งไว้นั้น ยังมีความลับที่สามารถมีอายุยืนยาวเป็นพันปีได้ด้วย;”

“แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือหลังจากซือกงสิ้นชีพไปแล้ว อู๋เฟยเยี่ยนก็เกิดความโลภชั่วขณะ ลงมือโจมตีท่านพ่อจนบาดเจ็บสาหัสกะทันหัน อยากแก่งแย่งแหวนวงนั้นไปจากท่านพ่อ รวมไปถึงยาจงเจริญเม็ดนั้น;”

“เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ แหวนจึงส่งท่านพ่อให้ปรากฏต่อหน้าข้า ท่านพ่อถึงได้นำยาจงเจริญเม็ดนั้นให้แก่ข้า……”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ปรับสภาพอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วพูดต่ออีกว่า: “ข้าเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่องค์กรพั่วชิงถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ๆ ให้คุณชายฟังดีกว่า มิเช่นนั้นเกรงว่าคุณชายก็น่าจะฟังไม่รู้เรื่องเช่นกัน”

เย่เฉินพยักหน้าแล้วรีบพูดว่า: “เธอเชิญพูดได้เลย!”

หลินหว่านเอ๋อร์จิบชาอึกหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟัง: “ท่านพ่อข้ามีนามว่าหลินหงเอิน เกิดในยุคจักรพรรดิองค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์หมิง หรือปีคริสตศักราช 1622;”

“เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์เปิดประเทศ ตระกูลหลินก็ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมามาทุกยุคสมัย;”

“บรรพบุรุษของตระกูลหลินเริ่มเป็นขุนนางแห่งจินหลิงก่อน ต่อมาก็อพยพคนทั้งตระกูลมุ่งหน้าไปยังเย่นจิง;”

“แต่ทว่าในยุคปลายของราชวงศ์หมิง ขันทีกุมอำนาจ สถานการณ์ ณ เวลานั้นสั่นคลอน ฐานะของตระกูลหลินก็ค่อย ๆ เสื่อมโทรมลง คอยท่านพ่อบรรลุนิติภาวะแล้วสมรสกับท่านแม่ข้า ตระกูลหลินก็ไม่มีตำแหน่งขุนนางใด ๆ อีกเลย;”

“นักบำเพ็ญเพียรท่านนั้นก็เป็นชนชาติฮั่นเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งสองถูกทหารชาวมองโกเลียและแมนจูไล่ล่า จิตใจจึงเกิดความรู้สึกสงสาร ดังนั้นจึงรับพวกเขาทั้งสองเป็นลูกศิษย์ ให้พวกเขาฝึกฝนอยู่ในภูเขาแสนลี้;”

“ปีที่ 12 ที่จักรพรรดิหย่งลี่ครองราชย์ หรือปีคริสตศักราช 1658 กองทัพชิงบุกโจมตีมณฑลยูนนานและกุ้ยโจวจากหลายเส้นทาง หนานหมิงอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก ท่านพ่อและอู๋เฟยเยี่ยนจึงออกจากเขาพร้อมกัน แล้วมุ่งหน้าไปปราบปรามกองทัพชิงที่เตียนหนาน;”

“แต่ทว่าอย่างไรเสียกำลังแรงของคนสองคนก็มีขีดจำกัดอยู่ดี ตอนนั้นกองทัพชิงมีกำลังแข็งแกร่ง บวกกับมีอู๋ซานกุ้ยและคนชนชาติฮั่นจำนวนมากช่วยคนเลวกระทำชั่ว ดังนั้นปีต่อมาเตียนหนานจึงถูกตีแตก ซึ่งเพลงเศร้าแห่งหนานหมิงที่คนยุคหลังกล่าวถึง ก็คือช่วงเวลานี้นั่นเอง……;”

“และสองปีในภายหลัง ท่านพ่อและอู๋เฟยเยี่ยนรวบรวมนักรบที่ตั้งปฏิญาณว่าจะโค่นชิงฟื้นหมิงได้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งต่อกรกับกองทัพชิงมาโดยตลอด แต่ยังไงซะกำลังรบก็มีน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงก้าวย่างที่กองทัพชิงค่อย ๆ ทำให้ประเทศเป็นเอกภพ”

“ปีที่ 16 ที่จักรพรรดิหย่งลี่ครองราชย์ หรือปีคริสตศักราช 1662 จารชนอู๋ซานกุ้ยสังหารจักรพรรดิหย่งลี่ที่เตียนหนาน ท่านพ่อรู้สึกเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง จึงร่วมมือกับอู๋เฟยเยี่ยน นำพานักรบแห่งองค์กรพั่วชิงลอบสังหารอู๋ซานกุ้ยแต่ก็ลงเอยด้วยความล้มเหลว;”

“ท่านและอู๋เฟยเยี่ยนถูกกองทัพชิงนับหมื่นไล่ล่า ซึ่งเวลานั้นภายในประเทศแทบจะถูกกองทัพชิงยึดครองไปหมดแล้ว ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนปัญญา ทั้งสองจึงวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังไต้หวัน ขอพึ่งเจิ้งเฉิงกงเพื่อต่อกรกับราชวงศ์ชิงต่อ;”

“แต่นึกไม่ถึงเลยว่าทั้งสองเพิ่งออกเดินทางได้ไม่นาน ก็มีข่าวคราวแพร่งพรายมาว่าเจิ้งเฉิงกงล่วงลับไปแล้ว ทั้งสองหมดหนทางจริง ๆ จึงทำได้เพียงย้อนกลับไปยังภูเขาแสนลี้อีกครั้ง เข้าพบอาจารย์ของทั้งสอง อยากเก็บตัวฝึกฝนอีกระยะหนึ่ง เพื่อหลบเลี่ยงภยันตราย และทั้งสองก็สามารถยกระดับศักยภาพได้ด้วย;”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน