“อู๋เฟยเยี่ยน?”
เย่เฉินเบิกตากว้าง: “ผู้มีพระคุณนั่นขององค์กรพั่วชิงคือผู้หญิงคนหนึ่งหรือ?!”
“เจ้าค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า กัดฟันกรอดแล้วพูด: “ไม่เพียงเป็นผู้หญิงเท่านั้น ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลกด้วย!”
เย่เฉินถามอย่างตะลึง: “นางเป็นน้องสาวของเพื่อนพ่อเธอ งั้นก็แสดงว่านางก็มีชีวิตคงอยู่มาสามสี่ร้อยปีแล้วมิใช่หรือ?!”
หลินหว่านเอ๋อร์นึกคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ: “อู๋เฟยเยี่ยนเด็กกว่าท่านพ่อข้าหนึ่งปี โตกว่าข้า 23 ปี ปัจจุบันมันมีอายุสี่ร้อยกว่าปีแล้ว”
เย่เฉินพูด: “งั้นนางก็น่าจะกินยาจงเจริญเหมือนกันสินะ?”
“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างทอดถอนใจ: “ยาจงเจริญ เป็นยาที่อาจารย์ของท่านพ่อและอู๋เฟยเยี่ยนมอบให้พวกท่านทั้งสองก่อนสิ้นอายุขัย เดิมทีทั้งคู่ได้มาคนละเม็ด เพื่อหวังว่าพวกท่านจะสามารถทำให้ยุคราชวงศ์ชิงเฟื่องฟูต่อไปได้;”
“นอกจากได้รับยาจงเจริญคนละเม็ดแล้ว ซือกงยังนำแหวนวงนั้นบนมือคุณชายฝากให้ท่านพ่อด้วย ให้ท่านพ่อดูแลรักษามันดี ๆ สักวันเมื่อโอกาสมาถึง ก็จะได้รับตำรับยา วรยุทธ์ที่ท่านทิ้งไว้ เล่ากันว่าในจำนวนสมบัติทั้งหมดที่ซือกงทิ้งไว้นั้น ยังมีความลับที่สามารถมีอายุยืนยาวเป็นพันปีได้ด้วย;”
“แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือหลังจากซือกงสิ้นชีพไปแล้ว อู๋เฟยเยี่ยนก็เกิดความโลภชั่วขณะ ลงมือโจมตีท่านพ่อจนบาดเจ็บสาหัสกะทันหัน อยากแก่งแย่งแหวนวงนั้นไปจากท่านพ่อ รวมไปถึงยาจงเจริญเม็ดนั้น;”
“เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ แหวนจึงส่งท่านพ่อให้ปรากฏต่อหน้าข้า ท่านพ่อถึงได้นำยาจงเจริญเม็ดนั้นให้แก่ข้า……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ปรับสภาพอารมณ์ครู่หนึ่งแล้วพูดต่ออีกว่า: “ข้าเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่องค์กรพั่วชิงถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ๆ ให้คุณชายฟังดีกว่า มิเช่นนั้นเกรงว่าคุณชายก็น่าจะฟังไม่รู้เรื่องเช่นกัน”
เย่เฉินพยักหน้าแล้วรีบพูดว่า: “เธอเชิญพูดได้เลย!”
หลินหว่านเอ๋อร์จิบชาอึกหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟัง: “ท่านพ่อข้ามีนามว่าหลินหงเอิน เกิดในยุคจักรพรรดิองค์ที่ 16 แห่งราชวงศ์หมิง หรือปีคริสตศักราช 1622;”
“เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์เปิดประเทศ ตระกูลหลินก็ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมามาทุกยุคสมัย;”
“บรรพบุรุษของตระกูลหลินเริ่มเป็นขุนนางแห่งจินหลิงก่อน ต่อมาก็อพยพคนทั้งตระกูลมุ่งหน้าไปยังเย่นจิง;”
“แต่ทว่าในยุคปลายของราชวงศ์หมิง ขันทีกุมอำนาจ สถานการณ์ ณ เวลานั้นสั่นคลอน ฐานะของตระกูลหลินก็ค่อย ๆ เสื่อมโทรมลง คอยท่านพ่อบรรลุนิติภาวะแล้วสมรสกับท่านแม่ข้า ตระกูลหลินก็ไม่มีตำแหน่งขุนนางใด ๆ อีกเลย;”
“นักบำเพ็ญเพียรท่านนั้นก็เป็นชนชาติฮั่นเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งสองถูกทหารชาวมองโกเลียและแมนจูไล่ล่า จิตใจจึงเกิดความรู้สึกสงสาร ดังนั้นจึงรับพวกเขาทั้งสองเป็นลูกศิษย์ ให้พวกเขาฝึกฝนอยู่ในภูเขาแสนลี้;”
“ปีที่ 12 ที่จักรพรรดิหย่งลี่ครองราชย์ หรือปีคริสตศักราช 1658 กองทัพชิงบุกโจมตีมณฑลยูนนานและกุ้ยโจวจากหลายเส้นทาง หนานหมิงอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก ท่านพ่อและอู๋เฟยเยี่ยนจึงออกจากเขาพร้อมกัน แล้วมุ่งหน้าไปปราบปรามกองทัพชิงที่เตียนหนาน;”
“แต่ทว่าอย่างไรเสียกำลังแรงของคนสองคนก็มีขีดจำกัดอยู่ดี ตอนนั้นกองทัพชิงมีกำลังแข็งแกร่ง บวกกับมีอู๋ซานกุ้ยและคนชนชาติฮั่นจำนวนมากช่วยคนเลวกระทำชั่ว ดังนั้นปีต่อมาเตียนหนานจึงถูกตีแตก ซึ่งเพลงเศร้าแห่งหนานหมิงที่คนยุคหลังกล่าวถึง ก็คือช่วงเวลานี้นั่นเอง……;”
“และสองปีในภายหลัง ท่านพ่อและอู๋เฟยเยี่ยนรวบรวมนักรบที่ตั้งปฏิญาณว่าจะโค่นชิงฟื้นหมิงได้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งต่อกรกับกองทัพชิงมาโดยตลอด แต่ยังไงซะกำลังรบก็มีน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงก้าวย่างที่กองทัพชิงค่อย ๆ ทำให้ประเทศเป็นเอกภพ”
“ปีที่ 16 ที่จักรพรรดิหย่งลี่ครองราชย์ หรือปีคริสตศักราช 1662 จารชนอู๋ซานกุ้ยสังหารจักรพรรดิหย่งลี่ที่เตียนหนาน ท่านพ่อรู้สึกเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง จึงร่วมมือกับอู๋เฟยเยี่ยน นำพานักรบแห่งองค์กรพั่วชิงลอบสังหารอู๋ซานกุ้ยแต่ก็ลงเอยด้วยความล้มเหลว;”
“ท่านและอู๋เฟยเยี่ยนถูกกองทัพชิงนับหมื่นไล่ล่า ซึ่งเวลานั้นภายในประเทศแทบจะถูกกองทัพชิงยึดครองไปหมดแล้ว ตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนปัญญา ทั้งสองจึงวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังไต้หวัน ขอพึ่งเจิ้งเฉิงกงเพื่อต่อกรกับราชวงศ์ชิงต่อ;”
“แต่นึกไม่ถึงเลยว่าทั้งสองเพิ่งออกเดินทางได้ไม่นาน ก็มีข่าวคราวแพร่งพรายมาว่าเจิ้งเฉิงกงล่วงลับไปแล้ว ทั้งสองหมดหนทางจริง ๆ จึงทำได้เพียงย้อนกลับไปยังภูเขาแสนลี้อีกครั้ง เข้าพบอาจารย์ของทั้งสอง อยากเก็บตัวฝึกฝนอีกระยะหนึ่ง เพื่อหลบเลี่ยงภยันตราย และทั้งสองก็สามารถยกระดับศักยภาพได้ด้วย;”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...