สามร้อยปีมานี้ เธอไม่เคยดีใจที่ตัวเองได้ความอายุยืนเลย ในทางกลับกัน เธอเบื่อหน่ายชีวิตที่หลบซ่อนพวกนี้ตั้งนานแล้ว
สามร้อยกว่าปีในอดีต เธอคิดอยากจบชีวิตของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่เมื่อนึกได้ว่าคุณพ่อใช้ชีวิตของตัวเขาเองจึงจะแลกความอายุยืนมาให้ตัวเองได้ เธอทำได้แต่ละทิ้งความคิดฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม เธอรู้อยู่แก่ใจดี ก่อนคุณพ่อจะสิ้นลม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป
เขาหวังว่าลูกสาวสุดที่รักของเขามีชีวิตยืนยาวถึงร้อยปี ถึงขนาดที่ชีวิตยืนยาวถึงร้อยปีก็ยังไม่พอ ห้าร้อยปีจึงจะดีที่สุด
ส่วนชีวิตของเขาเอง กลับนิ่งอยู่ที่สี่สิบเอ็ดปีไปตลอดกาล
เป็นเพราะเช่นนี้เอง หลินหว่านเอ๋อร์จึงจะกรอดฟันยืนหยัดต่อไป ตอนที่ขอบกำลังจะพังทลายอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
แต่ในใจของเธอ ได้รับความทุกข์และความทรมานของความอายุยืนมาเต็มอิ่มตั้งนานแล้ว
เย่เฉินรู้สึกเห็นใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าจริง ๆ ต่อให้เธออายุใกล้สี่ร้อยปีแล้วก็ตาม
ในตอนนี้ หลินหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง พูดสะอึกสะอื้นด้วยตาแดงก่ำ : “ดิฉันขอขอบคุณคุณชายที่ห่วงใยค่ะ”
พูดจบ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดอีก : “ดิฉันเคยสืบดูอดีตของคุณชาย ทราบว่าคุณชายมีความแค้นกับองค์กรพั่วชิงด้วยเหมือนกัน หากว่าคุณชายยินดี นับตั้งแต่วันนี้ไป ดิฉันยินดีที่จะพยายามสุดความสามารถ ช่วยคุณชายสังหารอู๋เฟยเยี่ยน ถึงเวลานั้น ดิฉันก็สามารถสิ้นสุดชีวิตหลบหนีสามร้อยกว่าปีนี้ ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป……”
เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น : “คุณหลินวางใจได้ครับ องค์กรพั่วชิงฆ่าพ่อแม่ผม และอยากฆ่าคุณตากับคุณยายของผมทั้งตระกูลอยู่หลายครั้ง ความแค้นนี้ผมจะให้อู๋เฟยเยี่ยนชดใช้ด้วยเลือด !”
เย่เฉินยกมือขวาขึ้นอย่างเหนื่อย ๆ เพ่งมองแหวนวงนั้นที่อยู่บนนิ้ว แล้วพูดหัวเราะเยาะตัวเอง : “หากว่าอู๋เฟยเยี่ยนไม่ได้แหวนวงนี้ งั้นเขาก็สามารถมีชีวิตโดยเหลือเพียงหนึ่งร้อยปีแล้ว ในหนึ่งร้อยปีนี้ หากว่าผมไม่ฆ่าเขา เขาก็แก่ตาย……”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มบอก : “คุณชายไม่มีความจำเป็นที่ต้องกดดันเกินไปค่ะ หากว่าอู๋เฟยเยี่ยนแก่ตาย ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สามารถรับได้ อย่างไรก็ตามใครมีชีวิตอยู่นาน คนนั้นจึงจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง”
เย่เฉินส่ายหน้า พูดด้วยสายตาเหมือนคบเพลิง : “ไม่ได้ ! หากว่าให้อู๋เฟยเยี่ยนแก่ตายไปตามธรรมชาติ ก็เสียเปรียบเขาเกินไปแล้ว ! ผมจะต้องฆ่าเขาเองกับมือ !”
พูด ๆ อยู่ เขาก็นึกถึงอะไรขึ้นได้กะทันหัน แล้วโพล่งออกมา : “จริงสิครับ เมื่อกี้ตอนที่สวี่ฉางชิงระเบิดตัวเอง ผมเคยเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนั้นหลบซ่อนที่สถานที่ที่เดินทางอยู่ตลอด แต่เผยลมหายใจเอาวินาทีสุดท้าย บนตัวของเธอมีปราณทิพย์ น่าจะเป็นนักบำเพ็ญเพียรคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน บางทีอาจเป็นท่านเอิร์ลอีกคนหนึ่งขององค์กรพั่วชิง และเธอห่างจากศูนย์กลางการระเบิดอยู่สิบจั้ง คิดว่าอาจจะยังมีชีวิตอยู่ !”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...