“อุบายเมืองว่าง?!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน หลินหว่านเอ๋อร์กับหยุนหรูเกอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
แน่นอนว่าพวกเธอรู้ตำนานของ ที่ใน จูกัดเหลียงเผชิญหน้ากับโอบล้อมด้วยทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นนายของสุมาอี้ รู้ดีว่าอาศัยกำลังทหารเพียงไม่กี่พันนายไม่สามารถรักษากำแพงคูเมืองเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงพยายามเปิดประตูเมืองให้กว้าง ตนเองนั่งอยู่บนหอคอยกำแพงเมือง พลางดีดฉิน พลางรอคอยทหารของสุมาอี้ ตอนที่กองทัพของสุมาอี้เข้าใกล้ด้านล่างกำแพงเมือง เห็นจูกัดเหลียงดีดพิณพร้อมรอยยิ้มอยู่บนหอคอยกำแพงเมือง ท่าทางมีความสุข คาดการณ์อย่างมั่นใจว่าในเมืองจะต้องมีกลลวงอย่างแน่นอน จึงถอยทัพกลับไป
แต่ว่า พวกเธอพยายามคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เย่เฉินจะให้อู๋เฟยเยี่ยนร้องออกมาได้อย่างไร หรือว่าก็จะให้เย่เฉินทำเหมือนจูกัดเหลียงแบบนั้น ปีนขึ้นไปบนหอคอยกำแพงเมืองแล้วดีดพิณอย่างไม่สะทกสะท้าน?
หยุนหรูเกอเป็นคนแรกที่เตือนเขา: “คุณเย่ ที่สามารถใช้ได้ผล ก็เป็นเพราะจูกัดเหลียงทำให้ใจของสุมาอี้เกิดความหวาดกลัว แต่ดิฉันขอพูดความในใจสักประโยค ถ้าหากคุณเปิดเผยตัวตนของตนเอง ไม่ว่าเมืองจินหลิงจะมีหรือไม่มีกลลวง ยังไงอู๋เฟยเยี่ยนก็ต้องมอบหมายให้ผู้อาวุโสทั้งสามท่านมาตามหาเบาะแสของคุณ ใจของเธอถึงจะเกิดความหวาดกลัวต่อคุณ ทันทีที่คุณอยู่ในที่แจ้ง ถึงจะบังคับให้เธอสู้แบบเอาเป็นเอาตายกับคุณได้......”
หลินหว่านเอ๋อร์ก็อดกล่าวเตือนไม่ได้: “ใช่แล้วคุณชาย ดิฉันก็คิดเหมือนกัน ที่ท่านเอิร์ลติ้งหยวนพูดมาทั้งหมดมีเหตุผล เวลาแบบนี้ คุณชายอยากจะทำให้อู๋เฟยเยี่ยนตกใจจนล่าถอย ความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์ ดิฉันเตือนคุณชายยังไงซะอย่าเสี่ยงอันตรายจะดีกว่า......”
เย่เฉินเห็นทั้งสองคนต่างก็เตือนตนอย่าเสี่ยงอันตราย เขากลับส่งเสียงหัวเราะออกมา กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคาดเดาไม่ได้: “พวกคุณทั้งสองคนไม่ต้องสงสัยในสติปัญญาของผม ผมยังไม่ได้โง่จนถึงขนาดเป็นฝ่ายเปิดเผยตนเองกับอู๋เฟยเยี่ยน”
เมื่อทั้งสองคนเห็นว่าเย่เฉินหัวเราะได้อย่างค่อนข้างมั่นอกมั่นใจ ภายในใจก็ยิ่งสงสัย
หลินหว่านเอ๋อร์เดาออกว่าที่เย่เฉินมั่นใจในตัวเองแบบนี้ จะต้องมีแผนการที่รอบคอบอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงถาม: “ไม่ทราบว่าคุณชายมีแผนการอะไรดีๆ ลองพูดออกมาให้ฉันกับท่านเอิร์ลติ้งหยวนได้ลองศึกษาดูสักครั้งก็ได้”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ประสบการณ์ชีวิตของทั้งสองท่านมากมายกว่าผมเยอะ ไม่ถึงขั้นต้องพูดว่าศึกษากับผมหรอก อย่างมากพวกเราก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันดีกว่า”
พูดไป เย่เฉินลุกขึ้นยืน กล่าว: “ท่านสองท่านรอสักครู่ ผมจะไปเอาสิ่งของอย่างหนึ่งมาให้พวกคุณดู”
หยุนหรูเกอกล่าวอย่างละอาย: “คุณหลินยังไงก็ไม่ต้องเรียกดิฉันว่าท่านเอิร์ลติ้งหยวนแล้ว นั่นเป็นเพียงชื่อที่อู๋เฟยเยี่ยนตั้งให้ดิฉันเท่านั้น พูดตามตรง ดิฉันไม่เคยชอบการชื่อเรียกอันนี้......อีกอย่าง ตอนนี้ดิฉันได้ออกจากความมืดไปสู่แสงสว่างแล้ว ยิ่งไม่ยินดีที่จะเกี่ยวข้องใดๆกับชื่อสามตัวนี้อีก......”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มพยักหน้า กล่าว: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปฉันจะเรียกคุณว่าคุณหยุน”
หยุนหรูเกอหันไปประสานมือทำความเคารพแก่หลินหว่านเอ๋อร์ด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นถึงได้กล่าวต่อไป: “อู๋เฟยเยี่ยนมักเอ่ยถึงผู้อาวุโสเมิ่ง ต่อหน้าพวกเราทั้งสี่คนบ่อยครั้ง รวมทั้งเรื่องในอดีตที่เธอกราบไหว้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเมิ่ง เธอพูดเรื่องพวกนี้ อันที่จริงก็เพื่อให้พวกเราปฏิบัติ ทำให้พวกเรารู้ว่า เส้นทางการบำเพ็ญตนสามารถได้รับอายุยืนยาวเป็นพันปี ให้พวกเราติดตามเธออย่างสุดหัวจิตหัวใจ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า กล่าวอย่างทอดถอนใจ: “ถ้าหากไม่ได้รับยาวงเวียนพันจักร อู๋เฟยเยี่ยนอย่างมากก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกร้อยปี ตอนนี้เธอน่าจะเริ่มร้อนใจแล้ว”
หยุนหรูเกอยิ้ม กล่าวเห็นด้วย: “สิ่งที่คุณหลินพูดนั้นถูกต้องจริงๆ ช่วงระยะสองปีนี้ เห็นได้ชัดว่าอู๋เฟยเยี่ยนร้อนใจยิ่งกว่าเมื่อก่อน ในเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา อู๋เฟยเยี่ยนไม่เคยเป็นกังวลเกี่ยวกับความแก่ชรา ถึงอย่างไรรูปร่างหน้าตาหลายร้อยปีของเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิดแม้แต่วันเดียว แต่ช่วงระยะสองปีมานี้ คาดไม่ถึงว่าเธอจะเริ่มใส่ใจกับการดูแลผิวพรรณ บางครั้งเดินผ่านหน้าเธอไป สามารถได้กลิ่นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณอย่างชัดเจน คิดว่าก็คงเป็นเพราะกลัวตนเองแก่ชรา”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...