บัดนี้ ณ เกาะที่ไร้ผู้คนอาศัยในอเมริกาใต้ ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ
อู๋เฟยเยี่ยนนำอู๋เทียนหลินลอดผ่านโครงสร้างใต้ดินขนาดใหญ่บนเกาะแห่งนี้
พวกเขาทั้งสองมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของอาคารใต้ดิน ที่นี่เป็นพื้นที่ที่รอบด้านมีหินปิดสนิท พื้นที่แห่งนี้มีท่อระบายอากาศเพียงท่อเดียวที่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้
ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งองค์กรพั่วชิงกำลังเก็บตัวถือศีลอยู่ ณ ที่แห่งนี้
สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือพวกเขาทั้งสามคนเก็บตัวถือศีลมาเป็นเวลาร้อยปีแล้ว พวกเขาไม่รู้ดวยซ้ำว่าได้ร่วมเดินทางกับองค์กรพั่วชิงไปกว่าครึ่งโลก จากหัวเซี่ยผ่านโอเชียเนีย และสุดท้ายถึงอเมริกาใต้
ทั้งสามได้ตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกแล้วโดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน พวกเขาห่อหุ้มร่างกายของตนด้วยปราณทิพย์อย่างแน่นหนาจนระบบเผาผลาญในร่างกายเรียกได้ว่าแทบหยุดนิ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าโลกภายนอกผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว รู้เพียงปราณทิพย์ดูบริสุทธิ์มากขึ้นและในขณะเดียวกันก็ใช้ปราณทิพย์โจมตีจุดหนีว๋านอย่างต่อ พยายามจะเปิดจุดหนีว๋านให้สมบูรณ์
ตอนที่อู๋เฟยเยี่ยนมาถึงห้องนี้ พวกเขาทั้งสามคนร่างกายผอมแห้งราวกับท่อนไม้ ไม่ต่างจากการเป็นมัมมี่สามตัว
แต่อู๋เฟยเยี่ยนรู้สึกได้ว่ามีปราณทิพย์ที่ทรงพลังและบริสุทธิ์ซ่อนอยู่ในร่างกายที่เหี่ยวเฉาของพวกเขาทั้ง 3 คน ห่างจากจุดหนีว๋านอีกแค่ก้าวเดียว ในหมู่พวกเขาผู้ที่ก้าวหน้าเร็วที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาบ่มเพาะอีกนับสิบปีก่อนจึงจะทะลวงจุดหนีว๋านได้
ขณะนี้ อู๋เฟยเยี่ยนพูดด้วยความเสียใจว่า "อีกสักสิบ ยี่สิบปี พวกคุณทั้งสามคนจะทะลวงจุดหนีว๋านได้แน่นอน องค์กรพั่วชิงคงจะเป็นหนึ่งในใต้หล้า น่าเสียดายที่ตอนนี้สถานการณ์คับขัน ต้องเชิญพวกคุณทั้งสามออกจากการเก็บตัวถือศีลก่อน เพื่อกำจัดศัตรูตัวฉกาจที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้สิ้นซาก"
ขณะที่เธอพูด ก็ได้รวบรวมปราณทิพย์ไปไว้ที่ปลายนิ้วของตน จากนั้นใช้วิชากำลังภายในอย่างเงียบ ๆ ชี้ไปที่ทั้งสามคนในความว่างเปล่า!
ทันทีหลังจากนั้น ปราณทิพย์ทั้ง 3 ก็แทรกเข้าสู่ร่างเหี่ยวย่นของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ร่างของทั้งสามเริ่มฟื้นคืนมีน้ำมีนวล แวววาวเหมือนต้นไม้ในฤดูใบไม้ผลิ!
ประมาณเวลาหนึ่งเล่มธูป ชายชราคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะอยู่ในวัย 50 ปีก็ลืมตาขึ้น เขามองที่ตัวเองก่อน จากนั้นมองไปที่อู๋เฟยเยี่ยนซึ่งอยู่ข้างหน้า ความผิดหวังฉายแววออกมาทั่วใบหน้าของเขา แต่ความผิดหวังนี้ก็หายไปในพริบตา เขาลุกขึ้นทันทีโดยไม่ยั้งคิด โค้งคำนับอู๋เฟยเยี่ยนตะโกนด้วยความเคารพว่า "ข้าน้อยอู๋โพหลิน คารวะเจ้านาย!"
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดมากที่สุดก็คือ หลังจากเก็บตัวถือศีลไปร้อยปี พวกเขากำลังจะทะลวงเข้าไปในจุดหนีว๋าน แต่กลับถูกปลุกขึ้นโดยผู้มีพระคุณในวินาทีสุดท้าย
แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะคิดเช่นนี้อยู่ในใจอย่างไร้หนทาง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอู๋เฟยเยี่ยนในเวลานี้ พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยสิ่งใดในใจออกมา
ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสามล้วนเป็นศิษย์ของตระกูลอู๋ เป็นลูกหลานของอู๋เฟยเยี่ยน และอู๋เฟยเยี่ยนนำพวกเขาเข้าถึงเต๋า น่าเสียดายที่พวกเขาล้มเหลวในการทะลวงจุดหนีว๋านหลังจากเก็บตัวถือศีลมากว่าร้อยปี แต่ถึงอย่างมากก็ใช้เวลาสิบ ยี่สิบปี เวลาร้อยปี ก็ผ่านไปอ่างรวดเร็ว แค่อีกไม่กี่ปีจเป็นไรไปเชียว
ดังนั้นอู๋โพหลินจึงพูดด้วยความเคารพว่า "จู่ ๆ ผู้มีพระคุณก็ปลุกเราทั้งสามคนขึ้นมา สันนิษฐานว่าต้องมีงานสำคัญสำหรับเราสามคนใช่หรือไม่? เป็นเกียรติสำหรับเราสามคนที่จะช่วยผู้มีพระคุณได้บ้าง ขอท่านผู้มีพระคุณออกคำสั่งมาเถิด!”
อีกสองคนพูดพร้อมกันว่า "ขอผู้มีพระคุณออกคำสั่งมาเถิด!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...