ทันทีที่พูดจบ หม่าซู่หยุนก็จะคุกเข่าลงไป
เย่เฉินกำลังจะไปขวางเอาไว้ ชิวอิงซานกลับขวางเอาไว้ที่ตรงกลางของทั้งสองคน กล่าวอย่างนอบนอม: “คุณเย่ คุณหนูเคยกล่าวเอาไว้ว่า ไม่ขอบคุณด้วยใจจริง ก็จะทำให้เสียลาภ......”
เย่เฉินเม้มปาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังคงอดกลั้นเอาไว้
คนชราทั้งสี่คนนี้ ถึงแม้ว่าอายุรวมกันจะเกือบสี่ร้อยปี แต่ในใจของพวกเขา กลับเคารพคำพูดของหลินหว่านเอ๋อร์มาโดยตลอด
พูดอย่างไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย หลินหว่านเอ๋อร์ก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาการใช้ชีวิตของพวกเขา หลินหว่านเอ๋อร์พูดอะไร พวกเขาก็เชื่อแบบนั้น ทำแบบนั้น
ดังนั้น ถ้าหากสิ่งที่ตนพูดกับสิ่งที่หลินหว่านเอ๋อร์มีความแตกต่างกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะต้องเลือกที่จะเชื่อฟังหลินหว่านเอ๋อร์
ด้วยความจนปัญญา เย่เฉินก็ทำได้แค่เพียงปล่อยให้นายหญิงใหญ่คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอบคุณ
เมื่อเธอลุกขึ้น เย่เฉินถึงเอ่ยปากกล่าว: “จริงซิ คุณหลินลงมาหรือยังครับ?”
ชิวอิงซานกล่าว: “คุณเย่ คุณหนูมีคำสั่ง บอกว่าหลังจากที่คุณมาแล้ว ขอให้คุณไปที่เรือนของเธอ”
เย่เฉินเดิมทีคิดว่าเร่งทำเวลา หลินหว่านเอ๋อร์ลงมาแล้วทั้งสองคนก็ไปสนามบินด้วยกัน คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านเอ๋อร์ยังอยากจะให้ตนขึ้นไปข้างบน
แต่ว่า เขากลับไม่ได้มีความคิดหรือข้อคิดเห็นอื่น หลินหว่านเอ๋อร์ให้ตนขึ้นไป ถ้าอย่างนั้นตนขึ้นไปก็จบเรื่องแล้ว
จากนั้น เขาประสานมือคำนับคนทั้งสี่ สาวเท้าไปยังเรือนชั้นบน
หลินหว่านเอ๋อร์ในเวลานี้ ยังคงต้มชาอยู่ในเรือน
เย่เฉินยังไม่เข้าประตู ก็ได้กลิ่นหอมของชาที่ลอยมาจากด้วยในเรือน เคาะประตูเบาๆ ก็ได้ยินเสียงของหลินหว่านเอ๋อร์ที่ดังลอยมาจากในเรือน: “คุณชายเชิญค่ะ”
หลินหว่านเอ๋อร์หัวเราะคิกคักพูดว่า: “ตอนนี้ข้าน้อยออกไปในสภาพแบบนี้กับคุณยังไงก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก พวกเราสองคนออกจากบ้านพร้อมกัน เกรงว่าจะทำให้คนรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าคู่กันเท่าไหร่”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ในเมื่อคุณหลินเตรียมให้ผมแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเปลี่ยน”
หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงด้วยความเขินอายเล็กน้อย กล่าวอย่างเขินอาย: “คุณชายเชิญตามข้าน้อยเข้าไปข้างในเถอะ”
เย่เฉินเดินตามหลังของหลินหว่านเอ๋อร์เข้าไปในห้อง หลินหว่านเอ๋อร์ก็หยิบถุงชอปปิ้งจากบนโต๊ะใบหนึ่งยื่นให้แก่เย่เฉิน กล่าวถามเสียงเบา: “คุณชายต้องการให้ข้าน้อยช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไหม?”
เย่เฉินตกใจมาก รีบโบกมือกล่าว: “ไม่ต้องไม่ต้อง ผมจัดการเองก็พอครับ!”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าด้วยความหดหู่เล็กน้อย เอ่ยปากกล่าว: “ถ้าอย่างนั้นคุณชายขึ้นไปเปลี่ยนข้างบนเถอะ ข้าน้อยจะรออยู่ที่ชั้นล่าง ถ้าต้องการให้ข้าน้อยช่วยละก็ ยังไงก็สั่งได้ตลอดเวลา”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...