“ไม่เป็นไร”เย่เฉินพูดออกมาอย่างเฉื่อยชา:“ที่สำคัญคือผมไม่วางใจให้คุณไปเตียนหนานคนเดียว อยากจะไปกราบไหว้บิดามารดาของคุณเป็นเพื่อนคุณ แล้วค่อยกลับไปรำลึกความหลังในสถานที่มารดาแห่งชาผูเอ่อร์เติบโตมาในก่อนหน้านี้เป็นเพื่อนคุณ สุดท้ายพาคุณกลับไปยังจินหลิงอย่างปลอดภัย สำหรับอู๋เฟยเยี่ยน ก็เพียงเหมือนกับว่ามาหาเถ้าแก่เพื่อจะเอาใบกำกับภาษีแล้วก็ลองจับฉลากชิงรางวัลไปด้วย ถ้าได้ก็คือโชคดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามข้าวทานอิ่มก็พอ”
หลินหว่านเอ๋อร์ซาบซึ้งใจ พยักหน้าเบาๆ ถอดถอนใจพูดว่า:“ก่อนหน้านี้ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน ก็คือก่อนตายหวังว่าจะได้กลับมาที่เตียนหนานสักครั้ง นำเอาสถานที่แห่งนี้เดินไปรอบๆอีกครั้ง พึ่งใบบุญคุณชาย ครั้งนี้ในที่สุดก็เป็นจริงแล้ว……”
เย่เฉินถามเธอ:“ถ้าจัดการอู๋เฟยเยี่ยนที่ยุ่งยากคนนี้ได้ คุณอยากจะทำอะไรมากที่สุด?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดออกมาอย่างไม่ต้องคิด:“ก่อนหน้านี้สิ่งที่ฉันอยากจะทำที่สุด คือนำเอาหลุมฝังศพของบิดามารดาย้ายไปไว้ข้างสระสวรรค์ หลังจากนั้นอยู่ที่ข้างสระสวรรค์ ในสถานที่ที่มารดาแห่งชาผูเอ่อร์บำเพ็ญล้มเหลวในปีนั้นสร้างบ้านไม้หลังเล็กๆขึ้นมาหลังหนึ่ง เลี้ยงวัวสองสามตัว เลี้ยงแพะสองสามตัว แล้วค่อยเลี้ยงสุนัขหนึ่งตัว ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปตลอดชีวิต”
เย่เฉินถามอย่างสงสัย:“ก่อนหน้า? งั้นตอนนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้?”หลินหว่านเอ๋อร์มองดูเย่เฉิน ก้มหน้าลง พึมพำออกมา:“หลายวันมานี้ทันใดก็เกิดความสับสนอยู่บ้าง……”
เย่เฉินถามเธอ:“สับสนอะไร?”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มบางๆ พูดอย่างอ่อนโยน:“สับสนว่าในอนาคตตัวเองจะดำเนินไปอย่างไรดี”
เวลานี้ พนักงานต้อนรับยกเครื่องดื่มสองแก้ว จากเขตห้องครัวที่อยู่ด้านหน้าเดินมาแล้ว ทั้งสองคนจึงหยุดบทสนทนาในก่อนหน้าลงแล้ว
หลินหว่านเอ๋อร์รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง มองเห็นพนักงานต้อนรับมาแล้ว จึงปรับเปลี่ยนท่าทางซบไปบนไหล่ของเย่เฉิน พูดเสียงเบาว่า:“ที่รักคะ ฉันรู้สึกเหนื่อยจัง อยากจะพักสักครู่”
เย่เฉินพยักหน้า:“งั้นก็หลับตาลงพักผ่อนสักครู่เถอะ”
พนักงานต้อนรับมองเห็นหลินหว่านเอ๋อร์ซบไปบนไหล่ของเย่เฉินแล้วหลับตาลง จึงวางเครื่องดื่มลงที่ด้านหน้าอย่างระมัดระวัง พูดเสียงเบากับเย่เฉินว่า:“คุณผู้ชาย เครื่องบินของพวกเราถอยสู่ลานบินแล้ว ตอนนี้อยู่ลำดับที่สามที่จะขึ้นบิน น่าจะประมาณสิบนาที ถ้าคุณต้องการอะไร สามารถกดกระดิ่งเรียกได้ตลอดเวลา ดิฉันจะมาอำนวยความสะดวกให้ท่านทั้งสองในทันที”
เย่เฉินพยักหน้า:“ครับ ลำบากแล้ว”
……
ในขณะที่เครื่องบินของอู๋เฟยเยี่ยน ลงจอดที่เมลเบิร์น เย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์นั่งเครื่องบิน ที่สนามบินจินหลิงได้ขึ้นบินแล้ว มุ่งหน้าสู่ลี่เจี่ยงที่ห่างออกไปเกินกว่าพันกิโลเมตร
เครื่องบินขึ้นบิน ในตอนที่มุ่งหน้าบินไปทางทิศตะวันตก หลินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ร่าเริงสดใสอย่างในก่อนหน้าแล้ว
เธอซบบนไหล่ของเย่เฉินสักพักแล้ว หลังจากนั้นดวงตาทั้งสองข้างราวกับว่าสูญเสียจุดโฟกัส จ้องมองนอกหน้าต่างโดยตลอด
“เคยมา”หลินหว่านเอ๋อร์พูด:“หลังจากมารดาเสียไป บิดาก็นำดิฉันส่งมาที่บ้านของคุณตาคุณยาย ในตอนนั้นดิฉันเคยมาที่กับคุณยาย แต่ก็มาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
พูดไป หลินหว่านเอ๋อร์ถอดหายใจออกมา:“เตียนหนานเมื่อสามร้อยปีก่อน ต้องเดินทางข้ามภูเขา อีกทั้งต่างเป็นทางผ่านเขาเล็กๆ อีกทั้งยังลำบากมาก มาถึงลี่เจี่ยงก็คือว่าเดินทางไกลมากแล้ว”
เย่เฉินไม่เพียงถามเธอ:“ไม่ใช่ตกลงกันแล้วเหรอว่าจะเปลี่ยนการแทนตัว? ทำไมถึงได้เปลี่ยนกลับไปแล้ว?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างอ่อนโยน:“กลับมาถึงเตียนหนาน ดิฉันเหมือนกับว่าได้กลับไปยังเมื่อสามร้อยปีก่อนแล้ว กลับมาในวันเวลาที่ดิฉันอยู่ที่บ้านคุณตาคุณยายรอออกเรือน……”
พูดไป เธอก็พูดอีกว่า:“ในรถมีเพียงคุณชายกับดิฉัน ดิฉันก็คือคุ้นเคยที่จะพูดคุยกับคุณชายแบบนี้”
เย่เฉินพยักหน้าแล้ว ถามอีก:“หลายปีนั้นที่คุณไม่ได้ทานยายั้งอายุ ก็ใช้ชีวิตอยู่กับคุณตาคุณยายโดยตลอดเหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูด:“คุณตาเสียไปค่อนข้างเร็ว ต่อมาพึ่งพาอาศัยกันและกันอยู่กับคุณยาย ดีที่ในตอนนั้นบรรพบุรุษมากมายของคุณปู่เป็นหนึ่งในข้าราชการของเตียนหนาน ฐานะทางครอบครัวก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว ดังนั้นตั้งแต่เล็กการใช้ชีวิตในเตียนหนานก็ถือว่ายอดเยี่ยม ก่อนหน้าที่คุณตาจะเสียไปสอนฉันอ่านเขียนหนังสือมาโดยตลอด มีความรู้และเข้าใจหลักเหตุผลไม่น้อย”
พูดไป หลินหว่านเอ๋อร์มองไปนอกหน้าต่าง ด้วยความรู้สึกที่มากมายเหลือคณาพูดออกมาว่า:“คุณตามีลูกห้าคน นอกจากเหนือจากมารดาที่ป่วยจนเสียไป ที่เหลืออีกสี่คนต่างเสียชีวิตไปในระหว่างโจมตีราชวงศ์ชิง ต่อมาอู๋ซานกุ้ยฆ่านองเลือดเหล่าผู้คนที่คัดค้านราชวงศ์ชิง คนที่อยู่ด้านหลังของคุณลุงทั้งสี่ต่างก็ไม่มีใครรอดไปได้ ครอบครัวของคุณตาจึงไม่มีผู้สืบทอดแล้ว มิฉะนั้น ดิฉันกลับมาในวันนี้ เป็นไปได้ว่าก็ยังจะพอมีญาติให้ไปหาได้บ้าง……”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...