ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5763

ณ เมืองโบราณซวงหลาง

หลินหว่านเอ๋อร์เเละเย่เฉินที่กำลังสวมใส่เสื้อคู่รักอยู่นั้น ดูไม่ค่อยรีบร้อนในการเลือกซื้ออุปกรณ์สักเท่าไหร่ พวกเขากลับเลือกที่จะเดินเล่นชมเมืองกันก่อน

ในมุมมองของหลินหว่านเอ๋อร์ ถึงเเม้ว่าเมืองโบราณซวงหลางจะผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากมาย ราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่ก็ยังหลงเหลือความทรงจำในครั้งวัยเยาว์ของเธอให้ได้พบเห็นอยู่บ้าง

เมื่อเธอได้พบสะพานหินที่เธอเคยข้ามเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก จึงรีบคว้ามือของเย่เฉินพร้อมกับพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ " ที่รัก ฉันเคยเดินข้ามสะพานนี้หลายครั้งตอนที่ฉันยังเด็ก ! "

เย่เฉินถามกลับไปด้วยท่าทางประหลาดใจ " แน่ใจหรือว่า ใช่สะพานแห่งนี้น่ะ ? "

" แน่ใจสิ ! " หลินหว่านเอ๋อร์จูงมือเย่เฉินเดินขึ้นไปบนสะพานหินสีเทานวล เมื่อเดินไปถึงช่วงกึ่งกลางของสะพานหิน เธอจึงชี้มือไปที่แผ่นหินสีเทานวลที่มีรอยเเตกเป็นช่องโหว่ เเล้วจึงอธิบายให้เย่เฉินฟัง " ซากปรักหักพังนี้ เกิดจากการที่ม้าตัวหนึ่งมีอาการตื่นตกใจ ก็เลยทำให้เกิดความเสียหายนี้ขึ้นมา เจ้าของม้าตัวนั้นมีอาชีพเป็นช่างทำหิน ในวันนั้น เขาต้องนำรูปปั้นเเกะสลักหินสองชิ้นไปส่งที่บ้านหลังใหม่ของผู้นำชนเผ่าซวงหลาง และการต้องขึ้นสะพานโค้งแห่งนี้ก็ต้องใช้แรงของม้ามากพอสมควร ช่างทำหินคนนั้นจึงใช้แส้เฆี่ยนม้าตัวนั้นไปหลายที จนทำให้ม้าตื่นกลัวกระวนกระวาย กีบเท้าของม้าจึงลื่นไถลจนเกือบจะล้มลง ทำให้มันดิ้นรนตะเกียกตะกายเเละวิ่งไปข้างหน้าด้วยความตื่นกลัว ทำให้เกวียนที่ลากมาด้วยเกิดพลิกคว่ำ รูปปั้นเเกะสลักหินชิ้นหนึ่งจึงตกลงมากระเเทกเข้ากับแผ่นหินนั้น จนเเตกเป็นช่องโหว่อย่างที่เห็นนี่แหละ "

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลินหว่านเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า " บังเอิญว่าวันนั้น ฉันเดินทางมาจากเมืองโบราณต้าหลี่พร้อมกับคุณตาของฉัน เพื่อมาแสดงความยินดีกับผู้นำชนเผ่าที่นี่พอดี เเละบังเอิญว่าฉันก็อยู่ตรงข้างสะพานนั้น จึงได้เห็นเหตุการณ์ที่ม้าตัวนั้นมีอาการตื่นตกใจจนทำให้เกิดความเสียหายน่ะ "

เย่เฉินฟังคำพรรณนาเรื่องราวของเธอ เเละอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงฉากที่เธอได้พร่ำพรรณนาอยู่ภายในมโนคติของเขา

ในเวลานั้น เขาบังเอิญได้เจอกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบคนหนึ่ง เธอสวมชุดจีนโบราณ ในมือถือผลไม้เคลือบน้ำตาล เท้าเล็กๆ ของเธอกำลังกระโดดด๊อกแด๊กดุ๊กดิ๊กขึ้นไปบนสะพาน โดยมีแม่ของเธอก้มตัวเดินตามหลัง เเละใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้เธอไม่หยุดหย่อน ส่วนพ่อของเธอก็กำลังถือกระเป๋าสองใบ มีใบใหญ่ใบหนึ่งกับใบเล็กอีกใบหนึ่ง พร้อมกับถือแก้วเครื่องดื่มอีกสองแก้ว เดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน

สายตาของหลินหว่านเอ๋อร์ยังคงเฝ้ามองเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้นโดยไม่คลาดสายตา รอยยิ้มจางๆ พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ โดยที่เธอเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว จากนั้นจึงพูดกับเย่เฉินว่า " ตอนนั้น ฉันน่าจะอายุน้อยกว่าเธอนิดหน่อย "

ระหว่างที่พูดนั้น หลินหว่านเอ๋อร์พลันทำท่าทะเล้น ขยิบตาให้เย่เฉินด้วยความขี้เล่น เเล้วจึงกล่าวว่า " ฉันว่า เสื้อผ้าที่ฉันใส่ตอนนั้นน่ะ สวยกว่าของเธอตั้งเยอะ คุณยายของฉันเป็นคนปักเสื้อคลุมให้ฉันเองกับมือเลยนะ รับรองว่าทั่วทั้งเตียนหนานไม่มีทางหาชุดแบบนี้ได้อีกเป็นชิ้นที่สองอย่างแน่นอน เเละมันก็ไม่เหมือนกับชุดจีนโบราณที่หญิงสาวสมัยนี้นิยมสวมใส่กันด้วย ส่วนใหญ่ทำเลียนแบบออกมาได้ไม่เหมือนเลยสักนิด เสน่ห์ของความเป็นชุดจีนโบราณอันน่าพิศมัยชวนมอง หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ "

เย่เฉินหวนนึกถึงตอนที่เขาได้พบกับหลินหว่านเอ๋อร์ในยุโรปเหนือ ชุดจีนโบราณที่เธอสวมใส่นั้น มันช่างดูประณีตพิถีพิถันเเละงดงามเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเอ่ยถามเธอด้วยความสงสัย " ตอนที่ผมเจอคุณที่ยุโรปเหนือในวันนั้น ชุดที่คุณใส่ คุณไปซื้อมันมาจากที่ไหนเหรอ ? "

หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มอย่างขวยเขินพร้อมกับพูดขึ้นว่า " ตอนที่คุณกับฉันพบกันครั้งแรก ฉันใส่ชุดกระโปรงผ้าเครปปักลายที่ปักด้วยลายเมฆโดยรอบทั้งสี่ด้าน ซึ่งฉันเป็นคนทำชุดนั้นขึ้นมาเองทั้งหมด ฉันเรียนรู้ทักษะฝีมือด้านเย็บปักถักร้อยมาจากคุณยายของฉัน เเต่เพราะคุณยายของฉันท่านได้จากไปก่อนเวลาอันควร ฉันก็เลยเรียนทักษะฝีมือด้านนั้นมาได้เพียงหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น "

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน