ณ เมืองโบราณซวงหลาง
หลินหว่านเอ๋อร์เเละเย่เฉินที่กำลังสวมใส่เสื้อคู่รักอยู่นั้น ดูไม่ค่อยรีบร้อนในการเลือกซื้ออุปกรณ์สักเท่าไหร่ พวกเขากลับเลือกที่จะเดินเล่นชมเมืองกันก่อน
ในมุมมองของหลินหว่านเอ๋อร์ ถึงเเม้ว่าเมืองโบราณซวงหลางจะผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างมากมาย ราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่ก็ยังหลงเหลือความทรงจำในครั้งวัยเยาว์ของเธอให้ได้พบเห็นอยู่บ้าง
เมื่อเธอได้พบสะพานหินที่เธอเคยข้ามเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก จึงรีบคว้ามือของเย่เฉินพร้อมกับพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ " ที่รัก ฉันเคยเดินข้ามสะพานนี้หลายครั้งตอนที่ฉันยังเด็ก ! "
เย่เฉินถามกลับไปด้วยท่าทางประหลาดใจ " แน่ใจหรือว่า ใช่สะพานแห่งนี้น่ะ ? "
" แน่ใจสิ ! " หลินหว่านเอ๋อร์จูงมือเย่เฉินเดินขึ้นไปบนสะพานหินสีเทานวล เมื่อเดินไปถึงช่วงกึ่งกลางของสะพานหิน เธอจึงชี้มือไปที่แผ่นหินสีเทานวลที่มีรอยเเตกเป็นช่องโหว่ เเล้วจึงอธิบายให้เย่เฉินฟัง " ซากปรักหักพังนี้ เกิดจากการที่ม้าตัวหนึ่งมีอาการตื่นตกใจ ก็เลยทำให้เกิดความเสียหายนี้ขึ้นมา เจ้าของม้าตัวนั้นมีอาชีพเป็นช่างทำหิน ในวันนั้น เขาต้องนำรูปปั้นเเกะสลักหินสองชิ้นไปส่งที่บ้านหลังใหม่ของผู้นำชนเผ่าซวงหลาง และการต้องขึ้นสะพานโค้งแห่งนี้ก็ต้องใช้แรงของม้ามากพอสมควร ช่างทำหินคนนั้นจึงใช้แส้เฆี่ยนม้าตัวนั้นไปหลายที จนทำให้ม้าตื่นกลัวกระวนกระวาย กีบเท้าของม้าจึงลื่นไถลจนเกือบจะล้มลง ทำให้มันดิ้นรนตะเกียกตะกายเเละวิ่งไปข้างหน้าด้วยความตื่นกลัว ทำให้เกวียนที่ลากมาด้วยเกิดพลิกคว่ำ รูปปั้นเเกะสลักหินชิ้นหนึ่งจึงตกลงมากระเเทกเข้ากับแผ่นหินนั้น จนเเตกเป็นช่องโหว่อย่างที่เห็นนี่แหละ "
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลินหว่านเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า " บังเอิญว่าวันนั้น ฉันเดินทางมาจากเมืองโบราณต้าหลี่พร้อมกับคุณตาของฉัน เพื่อมาแสดงความยินดีกับผู้นำชนเผ่าที่นี่พอดี เเละบังเอิญว่าฉันก็อยู่ตรงข้างสะพานนั้น จึงได้เห็นเหตุการณ์ที่ม้าตัวนั้นมีอาการตื่นตกใจจนทำให้เกิดความเสียหายน่ะ "
เย่เฉินฟังคำพรรณนาเรื่องราวของเธอ เเละอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงฉากที่เธอได้พร่ำพรรณนาอยู่ภายในมโนคติของเขา
ในเวลานั้น เขาบังเอิญได้เจอกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบคนหนึ่ง เธอสวมชุดจีนโบราณ ในมือถือผลไม้เคลือบน้ำตาล เท้าเล็กๆ ของเธอกำลังกระโดดด๊อกแด๊กดุ๊กดิ๊กขึ้นไปบนสะพาน โดยมีแม่ของเธอก้มตัวเดินตามหลัง เเละใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปให้เธอไม่หยุดหย่อน ส่วนพ่อของเธอก็กำลังถือกระเป๋าสองใบ มีใบใหญ่ใบหนึ่งกับใบเล็กอีกใบหนึ่ง พร้อมกับถือแก้วเครื่องดื่มอีกสองแก้ว เดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน
สายตาของหลินหว่านเอ๋อร์ยังคงเฝ้ามองเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้นโดยไม่คลาดสายตา รอยยิ้มจางๆ พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ โดยที่เธอเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว จากนั้นจึงพูดกับเย่เฉินว่า " ตอนนั้น ฉันน่าจะอายุน้อยกว่าเธอนิดหน่อย "
ระหว่างที่พูดนั้น หลินหว่านเอ๋อร์พลันทำท่าทะเล้น ขยิบตาให้เย่เฉินด้วยความขี้เล่น เเล้วจึงกล่าวว่า " ฉันว่า เสื้อผ้าที่ฉันใส่ตอนนั้นน่ะ สวยกว่าของเธอตั้งเยอะ คุณยายของฉันเป็นคนปักเสื้อคลุมให้ฉันเองกับมือเลยนะ รับรองว่าทั่วทั้งเตียนหนานไม่มีทางหาชุดแบบนี้ได้อีกเป็นชิ้นที่สองอย่างแน่นอน เเละมันก็ไม่เหมือนกับชุดจีนโบราณที่หญิงสาวสมัยนี้นิยมสวมใส่กันด้วย ส่วนใหญ่ทำเลียนแบบออกมาได้ไม่เหมือนเลยสักนิด เสน่ห์ของความเป็นชุดจีนโบราณอันน่าพิศมัยชวนมอง หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ "
เย่เฉินหวนนึกถึงตอนที่เขาได้พบกับหลินหว่านเอ๋อร์ในยุโรปเหนือ ชุดจีนโบราณที่เธอสวมใส่นั้น มันช่างดูประณีตพิถีพิถันเเละงดงามเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเอ่ยถามเธอด้วยความสงสัย " ตอนที่ผมเจอคุณที่ยุโรปเหนือในวันนั้น ชุดที่คุณใส่ คุณไปซื้อมันมาจากที่ไหนเหรอ ? "
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มอย่างขวยเขินพร้อมกับพูดขึ้นว่า " ตอนที่คุณกับฉันพบกันครั้งแรก ฉันใส่ชุดกระโปรงผ้าเครปปักลายที่ปักด้วยลายเมฆโดยรอบทั้งสี่ด้าน ซึ่งฉันเป็นคนทำชุดนั้นขึ้นมาเองทั้งหมด ฉันเรียนรู้ทักษะฝีมือด้านเย็บปักถักร้อยมาจากคุณยายของฉัน เเต่เพราะคุณยายของฉันท่านได้จากไปก่อนเวลาอันควร ฉันก็เลยเรียนทักษะฝีมือด้านนั้นมาได้เพียงหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น "
เมื่อเห็นเย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์กลับมาพร้อมอุปกรณ์ของใช้มากมาย ชายหนุ่มที่ได้รู้จักก่อนหน้านี้ที่มีนามว่าเหล่าหูจึงพูดกับพวกเขาทั้งสองว่า " เฮ้ พรรคพวก พวกเราเพิ่งคุยกันเมื่อครู่นี้เองว่า สงสัยพวกคุณคงไม่กลับมาเเล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะกลับมาจริงๆ ! "
เย่เฉินจึงหันไปมองหลินหว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม " ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อแฟนผมยืนกรานว่าอยากจะตั้งแคมป์ที่นี่ให้ได้ ผมก็ต้องตามใจเธอน่ะสิครับ "
เหล่าหูจึงยิ้มให้พวกเขา พลางชี้มือไปยังพื้นที่โล่งซึ่งอยู่ถัดไปจากเต็นท์ทั้งแปดหลังนั้น เเล้วจึงพูดกับพวกเขาว่า " พวกเราขยับเต็นท์ให้ชิดกันขึ้นอีกหน่อย แล้วเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ให้พวกคุณกางเต็นท์กัน ส่วนพวกเราก็กำลังเตรียมก่อไฟเพื่อกินปิ้งย่างกันน่ะ เดี๋ยวพวกคุณก็มาทานด้วยกันนะ ! "
เย่เฉินพยักหน้าให้เขาพลางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม " ขอบคุณมากสหาย "
หลังจากกล่าวจบ เขาจึงเดินเข้าไปหาคนกลุ่มนั้น พร้อมกับยื่นถุงที่ใส่เหล้าเเละเครื่องดื่มที่อยู่ในมือของเขาให้กับเหล่าหู เเล้วกล่าวด้วยท่าทางยิ้มเเย้ม " ผมก็กะว่าจะขอฝากท้องกับพวกคุณสักมื้ออยู่เหมือนกันน่ะครับ ผมก็เลยตั้งใจซื้อเหล้ากับเครื่องดื่มพวกนี้มาแจมกับพวกคุณคืนนี้ด้วย ! "
เหล่าหูหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยความชอบอกชอบใจ พลางหยิบกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งออกมาจากพงหญ้าที่อยู่ข้างๆ เเละกล่าวด้วยท่าทางร่าเริงแจ่มใส " ได้เลย ! คืนนี้เรามาทานปิ้งย่างเเละดื่มสังสรรค์กันให้เต็มที่ไปเลย หลังทานอาหารเสร็จเราก็มาจัดปาร์ตี้รอบกองไฟกัน อยู่บนยอดเขาแบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน เราสามารถดื่มสังสรรค์ ร้องรำทำเพลงได้เต็มคาราเบลกันไปเลย ! "

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...