เมื่อได้รับคำเชื้อเชิญจากชายหนุ่มคนที่มีนามว่า " เหล่าหู " คนนั้นเเล้ว เย่เฉินจึงตอบตกลงด้วยความยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง เขากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มเเย้มว่า " ถ้าเช่นนั้นเเล้ว พวกเราสองคนก็ไม่เกรงใจเเล้วนะครับ ! "
เหล่าหูหัวเราะชอบใจพลางตอบกลับ " เฮ้ ! คุณอย่าได้เกรงอกเกรงใจไปเลย พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนฝูงที่มาจากทั่วทุกสารทิศ การดูแลซึ่งกันและกันก็เป็นธรรมเนียมอันดีงาม ที่พวกเราชาวนักเดินทางท่องเที่ยวจะพึงปฏิบัติต่อกันอยู่เเล้ว "
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เขาก็เอ่ยถามเย่เฉินต่อไปอีกว่า " สหาย คุณชื่ออะไรเหรอ ? "
จังหวะที่เย่เฉินกำลังจะเอ่ยปาก หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ กัน พลันพูดด้วยรอยยิ้มขึ้นมาก่อน " แฟนของฉันเป็นคนสกุลหลิน เขาชื่อว่าหลินเฉิน ทุกคนเรียกเขาว่าอะเฉินก็ได้ค่ะ ! "
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เฉินจึงนิ่งชะงักไปชั่วครู่ เขาพอจะเข้าใจความหมายของหลินหว่านเอ๋อร์เเล้ว เพราะการที่พวกเขาได้มาอยู่ที่นี่เพื่อรอการมาเยือนของอู๋เฟยเยี่ยนนั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อที่มีสองพยางค์อย่างเย่เฉิน หรือว่าจะเป็นชื่อที่มีสามพยางค์อย่างหลินหว่านเอ๋อร์ อู๋เฟยเยี่ยนจะต้องคุ้นเคยกับทั้งสองชื่อนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือพยายามอย่าใช้ชื่อจริงของพวกเขาจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก็คือ การที่หลินหว่านเอ๋อร์กลับตั้งชื่อปลอมให้เขาว่า " หลินเฉิน " มิหนำซ้ำยังตั้งชื่อเล่นให้เขาว่าอะเฉินอีกด้วย
เขาแอบคิดในใจคนเดียวว่า " ให้เรียกว่าอะเฉิน อย่างนั้นรึ ? ทำไมชื่อนี้มันฟังดูเหมือนเป็นช่างตัดผมเลยล่ะ "
ในเวลานั้นเอง หลินหว่านเอ๋อร์ยังได้กล่าวต่อหน้าสาธารณชนอีกว่า " ส่วนฉันเป็นคนสกุลเย่ ชื่อว่าเย่เสี่ยวหว่าน ทุกคนเรียกฉันว่าเย่จื่อก็ได้ค่ะ "
ทุกคนพากันพยักหน้าเป็นการตอบรับ เเล้วคนที่มีนามว่าเหล่าหูจึงเอ่ยขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม " อะเฉิน เย่จื่อ ยินดีต้อนรับพวกคุณเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวใหญ่ของ ' กลุ่มคนพเนจรแห่งเตียนหนาน ' ของพวกเรา พวกเราทุกคนต่างก็มาเดินป่ากันที่เตียนหนาน ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เเต่ก็ได้มาพบเจอกันในระหว่างการเดินป่า ตั้งเเต่ตอนนั้นเป็นต้นมา พวกเราก็ร่วมเดินทางท่องเที่ยวพเนจรไปด้วยกันจนถึงตอนนี้ "
ในระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เขาจึงเริ่มเเนะนำตัวเอง " ผมชื่อว่าหูเล่อฉี เล่อฉีที่หมายถึงสนุกสนานร่าเริงนั่นแหละ แต่ชื่อนั้นออกจะฟังดูเป็นผู้หญิงไปสักหน่อย ผมก็เลยให้เพื่อนๆ ที่รู้จักผม เรียกผมสั้นๆ ว่าเหล่าหู "
หลังจากนั้น เขาก็หันไปโอบกอดหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ กันด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับเเนะนำหญิงสาวที่เป็นต้นคิดที่จะจัดปาร์ตี้รอบกองไฟก่อนหน้านี้ " คนนี้คือซูหลาน เป็นแฟนของผมเอง เเละยังเป็นนักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยชิงฮว๋าด้วยนะ พวกเรารู้จักกันตอนเดินป่าครั้งนี้นี่เอง แล้วก็ตัดสินใจที่จะคบหาดูใจกัน "
เมื่อหูเล่อฉีแนะนำตัวเองไปเเล้ว คนอื่นๆ ก็ทยอยเเนะนำตัวกันทีละคน จากนั้น เขาก็พูดเสนอตัวขึ้นมาอย่างสมัครใจว่า " อะเฉิน ผมว่าคุณคงไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าและตั้งแคมป์บ่อยนัก ให้ผมช่วยพวกคุณกางเต็นท์ก่อนดีกว่าไหม ! "
เย่เฉินจึงกล่าวขอบคุณ " ขอบคุณมากเลยสหาย เดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่า คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ "
หลินหว่านเอ๋อร์มองไปที่เย่เฉินด้วยความไม่สบอารมณ์ ทั้งยังแอบคัดค้านคำพูดของเขาด้วยความขุ่นเคืองอยู่ในใจด้วยว่า " คำพูดของคุณชายประโยคนี้ ทำให้ใบปริญญาและวุฒิการศึกษานับสิบนับร้อย ที่ข้าน้อยได้รับตลอดหลายปีมานี้ ดูจะไร้ความหมายไปเลยสินะ...
ในความเป็นจริงเเล้ว การที่เย่เฉินพูดไปแบบนั้น ก็เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบให้พวกเขาเหล่านั้นได้เห็นว่า เขากับหลินหว่านเอ๋อร์เป็นเพียงนักเรียนห่วยๆ ที่ไม่เอาถ่าน มิฉะนั้นเเล้ว ทุกคนก็คงจะมุ่งประเด็นการสนทนาไปที่หัวข้อเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยอย่างไม่จบไม่สิ้นเป็นแน่ ทั้งสองจึงเกรงว่า ความลับของพวกเขาจะถูกเผยไต๋ออกมาได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าพวกเขาจะบอกว่าเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยไหน หรือกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยไหนก็ตาม หากคนเหล่านั้นบอกว่าพวกเขามีคนรู้จักเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้นๆ นั่นก็คงทำให้การสนทนาดำเนินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
และการที่เขาบอกว่าตนเองนั้นเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนกระจอกๆ หนำซ้ำยังเรียนไม่จบอีก จะเป็นการสร้างจิตใต้สำนึกให้กับคนเหล่านี้ โดยทำให้พวกเขาคิดว่า พวกเขาทั้งสองคงมีความน้อยเนื้อต่ำใจในเรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่เรียนของตนเอง ดังนั้น พวกเขาก็คงจะไม่พยายามซักถามในเรื่องเหล่านั้นไปโดยปริยาย เเละพูดคุยถึงหัวข้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยให้น้อยลง ซึ่งนั่นจะช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ความลับของพวกเขาจะถูกเปิดเผยได้
เเละก็จริงดังคาด ทันทีที่เย่เฉินบอกว่าเขาและหลินหว่านเอ๋อร์ แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยเอกชนกระจอกๆ พวกเขาทั้งคู่ก็ยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ คนเหล่านั้นก็รู้ได้ทันทีเลยว่ารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เเละไม่ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องมหาวิทยาลัยอีก
หูเล่อฉียังกลัวด้วยว่าเย่เฉินเเละหลินหว่านเอ๋อร์จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะปัญหาเรื่องการเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า " อันที่จริง มันไม่สำคัญหรอกว่าจะได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ หรือไม่ และก็ไม่ได้สำคัญว่าจะต้องเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา คือการใช้ชีวิตให้มีความสุขต่างหากล่ะ "
" ใช่เเล้วล่ะ " ซูหลานแฟนสาวของหูเล่อฉี ก็พลอยพูดเออออคล้อยตามเขาไปด้วย " ที่จริงเเล้ว การเรียนนี่มันน่าเบื่อมากเลยนะ พ่อแม่ของฉันเคี่ยวเข็ญฉันเรื่องเรียนมาตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นอนุบาล จนกระทั่งฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงฮว๋าได้ ก็ยังมิวายที่จะเคี่ยวเข็ญฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ให้ฉันเตรียมตัวเข้าเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีก ในที่สุดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฉันก็ได้รับหนังสือตอบรับเข้าเรียนต่อจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสมความปรารถนา แต่ผลสุดท้าย พอฉันจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเตรียมบินไปสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ ฉันกลับตรวจพบเนื้องอกในสมอง ซึ่งมันไปเจริญเติบโตอยู่ที่ก้านสมองเเละไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ ไม่รู้ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เเละในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่า การเคี่ยวเข็ญให้ลูกมีอนาคตทางการศึกษายาวไกล ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าการที่ลูกของพวกเขามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งเเรง "

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...