เย่เฉินในเวลานี้ก็เรียกได้ว่าเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งเช่นกัน
โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่านักบำเพ็ญเพียรที่มีพละกำลังแข็งแกร่งจะมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เเต่ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้จงใจตรวจสอบทุกคนจนถึงที่สุด ก็ไม่มีทางที่จะค้นพบได้ว่าเย่เฉินก็เป็นนักบำเพ็ญเพียรด้วยเช่นเดียวกัน
แต่นั่นมันก็ไม่ได้ถูกต้องไปเสียทีเดียว คล้ายกับเรือดำน้ำที่เเม้จะเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง จนโซนาร์แบบพาสซีฟของฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตรวจจับได้ แต่ถ้าอีกฝ่ายเปิดใช้งานโซนาร์แบบแอคทีฟเพื่อค้นหา ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะถูกพวกเขาตรวจพบจนเจอ
เเต่อย่างไรก็ตาม จุดที่เป็นปัญหาสำคัญมากจุดหนึ่งก็คือ แม้ว่าโซนาร์แบบแอคทีฟจะมีความสามารถตรวจจับเรือดำน้ำที่เงียบมากๆ ได้ แต่มันกลับเป็นดาบสองคมที่เหมือนกับการส่องไฟฉายในความมืด จริงอยู่ที่การใช้งานมันจะทำให้การค้นหาใครบางคนเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น ทว่า เมื่อใดที่เปิดใช้งานมันเเล้ว เเละโดยไม่รู้ว่าจะพบคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ก็ตาม เเต่ตนเองกลับเป็นฝ่ายที่ได้เปิดเผยตัวตนก่อนแล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นทหารหรือนักบำเพ็ญเพียร พวกเขาล้วนเเต่ไม่ต้องการที่จะค้นหาคนประเภทเดียวกันกับพวกเขา อย่างโจ่งแจ้งออกหน้าตาออกตาอยู่เเล้ว
พวกเขากลัวที่จะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าปรมาจารย์ยอดฝีมือ ฉะนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเอาความปลอดภัยของตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็นอย่างเเน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะเที่ยวปล่อยปราณทิพย์ไปทั่วไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งใด เเล้วเสี่ยงต่อการให้คนที่อยู่รอบตัวพากันเสาะแสวงหาตัวพวกเขา
นับประสาอะไรกับคนอย่างอู๋เฟยเยี่ยน ที่ในเวลานี้เธอยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ดังนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอจะคิดเปิดโซนาร์แบบแอคทีฟเลย เธอเองก็น่าจะเลือกใช้วิธีเดียวกันกับเย่เฉิน โดยการเลือกที่จะเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวเธอเองเสียมากกว่า
เเต่ในขณะเดียวกัน การที่เย่เฉินรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังตรงเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วนั้น เขาไม่ได้อาศัยปราณทิพย์เลยแม้เเต่น้อย ทว่า อาศัยความตระหนักรู้ที่เกิดขึ้นจากประสาทสัมผัสของตัวเขาเองต่างหาก
ในเวลานั้นเอง อู๋เฟยเยี่ยนซึ่งกำลังขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็วพลันสังเกตเห็นว่า มีคนจำนวนสิบกว่าคนที่ขึ้นไปอยู่บนภูเขาหลังเต่าตั้งเเต่เวลาเช้าตรู่เช่นนี้แล้ว
ทว่า เธอกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด เพราะระหว่างทางที่ขึ้นมาบนภูเขานั้น เธอยังได้พบกับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการตั้งแคมป์เดินป่าอีกจำนวนไม่น้อยมาตลอดทาง เธอเองก็ทราบแก่ใจดีว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาในหมู่คนหนุ่มสาวที่มักจะชื่นชอบกิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้งประเภทนี้อยู่เเล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่รู้สึกเอะใจเลยสักนิด
จังหวะที่เธอก้าวเท้าขึ้นไปบนภูเขาหลังเต่า และได้เห็นเต็นท์หลายหลังพร้อมด้วยวัยรุ่นหนุ่มสาวอีกสิบกว่าชีวิต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสายตาของเธอ คิ้วของเธอพลันกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
สายตาของผู้คนเหล่านั้น ต่างมองไปยังทิศทางของพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งรู้ได้เลยว่าพวกเขาคงกำลังเฝ้ารอที่จะชื่นชมความงามเมื่อยามพระอาทิตย์ขึ้นเป็นแน่
อู๋เฟยเยี่ยนไม่ได้รู้สึกเอะใจสงสัยพวกเขา เธอเเค่รู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังเบื่อหน่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นก็เพราะว่า คนเหล่านั้นอยู่ใกล้กับสุสานของศิษย์พี่หลินจู๋ว์หลูมากจนเกินไป
การที่ตนได้กลับมาเยือนสถานที่นี้อีกครั้ง ก็เพียงเพื่อต้องการมารำลึกถึงความทรงจำในครั้งอดีตต่อหน้าหลุมฝังศพของหลินจู๋ว์หลู และถือโอกาสมาบอกกล่าวความในใจต่อศิษย์พี่เท่านั้นเอง
ทว่า ตำเเหน่งที่คนกลุ่มนั้นรวมกลุ่มกันอยู่ในเวลานี้ มันอยู่ห่างจากสุสานของหลินจู๋ว์หลูออกไปเพียงสองสามร้อยเมตรเท่านั้น หากเธอเดินดุ่มๆ ตรงเข้าไปล่ะก็ เกรงว่าคงไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาของคนเหล่านั้นไปได้ หากเป็นเช่นนั้น ก็คงจะไม่สะดวกสำหรับเธอที่จะพูดกล่าวสิ่งใดกับศิษย์พี่ของเธอเป็นแน่
ในเวลานั้นเอง ที่เย่เฉินบังเอิญเหลือบไปเห็นหญิงสาวซึ่งดูโตเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เพิ่งปรากฏตัวอยู่ในไกลออกไปจากเเนวสายตาของเขาเมื่อสักครู่นี้
เมื่อเย่เฉินเห็นว่าอาการของเธอดูบรรเทาลงมาบ้างเเล้ว จึงรู้สึกโล่งอกโล่งใจไปที จากการมองด้วยหางตา ทำให้เขาสังเกตเห็นว่าอู๋เฟยเยี่ยนอาจจะกำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่ ดังนั้น เขาจึงจงใจที่จะหันไปมองตรงตำเเหน่งที่เธอยืนอยู่สักเเวบหนึ่ง เเล้วก็ตั้งใจลดเสียงของเขาให้แผ่วเบาลง พร้อมทั้งหันไปพูดกับหลินหว่านเอ๋อร์ซึ่งอยู่ข้างๆ กันนั้นว่า " เบบี๋ ดูโน่นสิ มีคนปืนขึ้นมาบนภูเขาหลังเต่าตั้งเเต่เช้าตรู่เลยล่ะ ! "
หลินหว่านเอ๋อร์แสร้งทำเป็นมองไปทางนั้นด้วยความฉงนสงสัย เเล้วจึงเอ่ยขึ้น " เหมือนว่าเธอจะมาคนเดียวด้วยนะ เธอปีนข้ามเขามาสองลูกเพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้นตั้งเเต่เช้าตรู่เเค่นั้นน่ะเหรอ ? งั้นก็เเสดงว่า เธอต้องออกเดินทางมาตั้งเเต่ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันสางเเน่ๆ เลยใช่ไหม ? "
เย่เฉินจึงตอบด้วยท่าทางสบายๆ กลับไปว่า " ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเหมือนกับเรานั่นเเหละมั้ง อาจจะหาที่พักกลางทางค้างเเรมตรงไหล่เขาสักคืนหนึ่ง "
จากนั้นไม่นาน เย่เฉินก็พูดขึ้นมาอีกว่า " แต่ก็น่าแปลกนะ ระดับความสูงของภูเขาหลังเต่าก็ไม่ได้เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในละเเวกนี้สักหน่อย เเล้วทำไมต้องมาดั้นด้นปีนขึ้นมาบนนี้เพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วยล่ะ ? ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ การที่เธอขึ้นมาบนนี้คนเดียว... "
ทุกๆ คำพูดในบทสนทนาระหว่างเย่เฉินกับหลินหว่านเอ๋อร์ ได้กระทบไปถึงโสตประสาทของอู๋เฟยเยี่ยนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่มีตกหล่นเลยสักคำ
บทสนทนาระหว่างหนุ่มสาวทั้งสองคนนั้น ไม่ได้ทำให้เธอเกิดความสงสัยแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม หลังจากที่เย่เฉินเริ่มแสดงความสงสัยเกี่ยวกับตัวเธอ ทันใดนั้น สถานการณ์ทั้งหมดจึงพลิกกลับตาลปัตรไปโดยปริยาย นั่นทำให้อู๋เฟยเยี่ยนเกิดตระหนักได้ว่า การที่เธอมาปรากฏตัวที่นี่ตามลำพังในตอนเช้าตรู่แบบนี้ มันช่างไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
ในเวลานั้น ความคิดที่พยายามจะค้นหาความผิดปกติ ซึ่งอยู่ในมโนคติของอู๋เฟยเยี่ยนมาก่อนหน้านี้ พลันแปรเปลี่ยนเป็นความพยายามที่จะปกปิดความผิดปกติของตัวเองไปเสียเเล้ว
ดังนั้น เธอจึงเกิดความลังเลขึ้นมาในบัดดล เเละยังแอบครุ่นคิดอยู่ในใจด้วยว่า " ถ้าฉันเข้าไปเคารพหลุมศพของศิษย์พี่ในตอนนี้ คนพวกนั้นจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไรรึเปล่านะ ? "

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...