แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้พูดให้ชัดเจนเเจ่มเเจ้ง แต่เย่เฉินก็เดาได้ว่าเธอคงต้องการถ่ายภาพอู๋เฟยเยี่ยนอย่างเเน่นอน ดังนั้น เขาจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับเเล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เเละจัดการกดเปิดฟังก์ชั่นกล้องหน้าในทันที
หลังจากเปิดโหมดถ่ายภาพของกล้องเเล้ว ทั้งสองก็หันตัวกลับมาอย่างพร้อมเพรียงราวกับรู้ใจกัน โดยหันหลังให้กับดวงอาทิตย์ที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา เเละหันหลังให้กับอู๋เฟยเยี่ยน จากนั้นพวกเขาทั้งสองจึงกดถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกันหนึ่งภาพ
หลังจากถ่ายภาพเสร็จเรียบร้อย เย่เฉินรีบคลิกเพื่อขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นด้วยความว่องไว เเละด้วยอานิสงส์ของกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงหลายล้านพิกเซล ในภาพๆ นั้น รูปลักษณ์ของอู๋เฟยเยี่ยนถูกถ่ายภาพเอาไว้ได้ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว
หลังจากนั้น เย่เฉินจึงขยับปรับเปลี่ยนอิริยาบถของตน เเละทำท่าเซลฟี่กับหลินหว่านเอ๋อร์ต่อไปอีก ในขณะที่มือก็กดถ่ายภาพผ่านทางกล้องหน้าไปด้วย ซึ่งภาพที่ถูกถ่ายเอาไว้อย่างต่อเนื่องนั้น ล้วนแต่เป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับอู๋เฟยเยี่ยนทั้งสิ้น
แต่น่าเสียดายที่อู๋เฟยเยี่ยนเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว อีกทั้งกล้องหน้าของเขายังไม่มีฟังก์ชั่นเลนส์ซูมเทเลโฟโต้อีกด้วย ดังนั้น ความปรารถนาที่จะถ่ายภาพเธอในสถานการณ์เช่นนี้ จึงกลายเป็นความฝันลมๆ แร้งๆ ไปเสียเเล้ว
เขาจึงเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในกระเป๋าตามเดิม และแสร้งทำเป็นเพลิดเพลินกับการชื่นชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้ากับหลินหว่านเอ๋อร์ต่อไป
ทว่า หางตาของเขายังคงจับจ้องไปที่อู๋เฟยเยี่ยนอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่อู๋เฟยเยี่ยนเข้าไปในป่าได้สักพักหนึ่ง เธอจึงเลือกพื้นที่ที่ค่อนข้างโล่งกว้างบริเวณหนึ่งในป่าผืนนั้น เเล้วเธอก็หยิบค้อนกับแม่พิมพ์ทรงกระบอกที่ทำมาจากไม้ออกมาจากกระเป๋าของเธอ
ต่อจากนั้น อู๋เฟยเยี่ยนจึงโยนกระดาษสีเหลืองลงไปบนพื้น เเล้วนำแม่พิมพ์ทรงกระบอกที่ทำมาจากไม้วางทับลงไปบนกระดาษสีเหลืองอีกที จากนั้นก็ใช้ค้อนทุบลงไปบนปากแม่พิมพ์ไม้ทรงกระบอกนั้นอย่างแรง
ด้วยการกระทำเช่นนี้ จึงทำให้เกิดเค้าโครงเส้นวงกลมหลงเหลือทิ้งไว้บนกระดาษสีเหลืองหยาบกระด้างแผ่นนั้น เเละเกิดเป็นช่องว่างสี่เหลี่ยมเป็นอยู่ตรงกลาง
การกระทำนั้นเรียกว่า " การพิมพ์เงิน " ซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปในสมัยนี้ ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้เห็นกันอีกแล้ว
แม้ว่ากระดาษสีเหลืองนั้นจะถูกทำขึ้นมาอย่างหยาบกระด้าง ทว่ากลับมีประสิทธิภาพในการติดไฟสูง รู้สึกว่าในปัจจุบันนี้ ตามพื้นที่ชนบทก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่นิยมไปปัดกวาดทำความสะอาดหลุมศพกันในช่วงเทศกาลเชงเม้ง ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการไปแสดงเคารพต่อบรรพบุรุษอันเป็นที่รักของพวกเขา
แต่สำหรับอู๋เฟยเยี่ยนเเล้ว เธอยังคงเคยชินกับการใช้วิธีพิมพ์เงินบนกระดาษสีเหลือง ในการสักการะเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับ ดังนั้น การมาเยือนเตียนหนานในครั้งนี้ เธอจึงตั้งใจนำกระดาษสีเหลืองและแม่พิมพ์ที่ใช้งานมานานหลายร้อยปีติดมือมาด้วย
ในเวลานี้ อู๋เฟยเยี่ยนรู้สึกเพิกเฉยต่อวัยรุ่นหนุ่มสาวกลุ่มนั้น ที่เธอบังเอิญได้พบเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง จากมุมมองของเธอเเล้ว คนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกับเธอด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปใส่ใจอะไรในตัวพวกเขา เเละไม่เเคร์ว่าพวกเขาจะคิดหรือพูดอะไร การเดินทางของจิตใจและจิตวิญญาณของเธอนั้น เเทบจะตรงตามที่หลินหว่านเอ๋อร์ได้คาดการณ์เอาไว้เป๊ะๆ หลินหว่านเอ๋อร์เดิมพันถูกข้างเเล้ว !
หลังจากนั้น เธอจึงมุ่งความสนใจไปที่การตีพิมพ์กระดาษสีเหลืองปึกนั้นให้กลายเป็นเหรียญทองแดง อันเป็นตัวเเทนของกระดาษเงินกระดาษทองจำนวนมากมายก่ายกอง จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นไปเก็บกิ่งไม้ขนาดเหมาะมือมาอันหนึ่ง เเล้วใช้กิ่งไม้นั้นเขี่ยไปที่พื้นดิน เพื่อทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นพื้นที่ราบ
ต่อจากนั้น อู๋เฟยเยี่ยนพลันหยิบไฟแช็กออกมา เเล้วจุดไปที่กระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่ง เเล้วโยนกระดาษสีเหลืองที่ติดไฟนั้นลงไปยังบริเวณกึ่งกลางของพื้นที่ราบ จากนั้นจึงเริ่มเติมกระดาษลงไปทีละแผ่นๆ
ระหว่างที่มองดูเปลวไฟกำลังลุกไหม้โชกโชน จนคลื่นความร้อนจากเปลวไฟส่งผลให้ขี้เถ้าที่กำลังมอดไหม้ค่อยๆ ม้วนตัวลอยฟุ้งขึ้นไปในอากาศ ดวงตาของอู๋เฟยเยี่ยนกำลังจะถูกกลบกลืนด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอปริ่มเบ้าตา เธอกล่าวกระซิบด้วยเสียงอันแผ่วเบาซึ่งมีเพียงเธอเท่านั้นที่จะได้ยิน " พี่จู๋ว์หลู เฟยเยี่ยนมาเยี่ยมพี่เเล้วนะคะ... "

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...