สำหรับเจมส์ สมิธแล้ว เย่เฉินไม่เห็นใจเลย
ในโลกนี้ มีพ่อแม่ที่เป็นมะเร็งมากมาย เจมส์ สมิธเป็นเพียงหนึ่งในหลายพันคน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
และที่สำคัญที่สุดคือ เดิมทีเขามีโอกาสที่จะช่วยชีวิตลูกชายของตัวเอง แต่ความไม่รู้และความเย่อหยิ่งของเขา ทำให้เขาทิ้งโอกาสนี้ด้วยตัวเอง สถานการณ์แบบนี้ เขาไม่สมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจจากใครอีก
เย่เฉินก็ไม่เคยคิดว่า จะเป็นฝ่ายให้โอกาสเขาและลูกชายเขาก่อน
แต่ว่า ที่ทำให้เย่เฉินตกใจเล็กน้อยคือ จากที่หูเล่อฉีพูด ครั้งที่แล้วที่เจมส์ สมิธเห็นตัวเอง พอตัวเองบอกเขาว่าอยากได้อะไรมาก็ต้องลงแรงก่อน ก็ลาออกจากตำแหน่งและงานที่เป็นผู้รับผิดชอบ FDA จริง ๆ ขายทรัพย์สินครอบครัว พาลูกไปก่อตั้งองค์กรการกุศลที่จินหลิง
แม้เย่เฉินจะรู้ดีว่า ที่เขาทำแบบนี้ เพราะอยากให้ลูกชายได้โอกาส แต่ทำให้เย่เฉินซาบซึ้งเล็กน้อยก็คือ เขาตั้งใจทำจริง ๆ สถานากรณ์แบบนี้ ตัวเองก็ถือว่าตอบแทนเขาแทนจินหลิง ซึ่งถือว่าดีมาก็ดีตอบ
และที่บังเอิญไปกว่านั้นคือ หูเล่อฉีที่พบกันโดยบังเอิญที่ภูเขาหลังเต่า ดันรู้จักเจมส์ สมิธ ต้องบอกว่า ยังไงก็มีโอกาสไม่มากก็น้อย
และเพราะแบบนี้ เย่เฉินจึงตัดสินใจชั่วคราว ให้โอกาสหูเล่อฉีและซูหลานมีชีวิตรอดแล้ว ก็ให้โอกาสลูกชายเจมส์ สมิธที่เป็นมะเร็งด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ความจริงว่า การกระทำสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าเจมส์ สมิธไม่ทำอย่างนี้หลังจากถูกปฏิเสธ งั้นลูกชายของเข าก็จะไม่มีวันได้ยาเกิดใหม่เก้าเสวียน
และที่โชคดีคือ เขาลงมือทำจริง และนี่ คือเหตุผลหลักว่าทำไมเย่เฉินถึงอยากช่วยลูกชายเขา
หูเล่อฉีคิดไม่ถึงว่า เย่เฉินเพิ่งได้ยินตัวเองเล่าเรื่องเจมส์ สมิธ ก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือเขา จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างตื่นเต้น:“อะเฉิน คุณจะช่วยลูกชายของสมิธให้ได้โควตามาจริง ๆ เหรอ?”
เย่เฉินยิ้ม แล้วพูดว่า:“พอคุณถึงจินหลิงแล้ว แค่ให้เขาพาลูกชายไปบริษัทผลิตยาเก้าเสวียนด้วย ที่เหลือผมจะจัดการเอง”
ซูหลานครุ่นคิดเล็กน้อย ส่ายหัว พูดว่า:“ฉันว่าเขาน่าจะไม่ใช่คนเลว และก็……ฉันว่าเขาน่าจะไม่ใช่ทายาทคนรวยที่เอาแต่ใช้เงินแน่ มักจะรู้สึกว่าคน ๆ นี้มีบางอย่างลึกซึ้ง ไม่รู้นะว่ารู้สึกไปเองไหม”
หูเล่อฉียิ้ม แล้วพูดว่า:“ลึกซึ้งหรือไม่ ผมพูดไม่ได้ แต่ผมก็คิดแบบนั้น น่าจะไม่ใช่คนเลว”
พูดไป หูเล่อฉีก็พูดอีกว่า:“ตรวจสอบทางอ้อมที่ผมพูด ก็คือรู้สึกก่อนว่าอะเฉินเป็นคนเลวหรือไม่ ถ้าเขาให้ความรู้สึกว่าเป็นคนเลว งั้นเขาพูดอะไร พวกเราก็ไม่ต้องเชื่อ”
“แต่เพราะพวกเราคิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว พวกเราก็ต้องพิจารณาคำถามสามัญสำนึก ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่ใช่คนเลว งั้นเขาจะล้อเลียนความเป็นความตายของคนอื่นไหม?”
พูดจบ หูเล่อฉีจึงตอบไปว่า:“ผมว่าคำถามนี้ควรปฏิเสธ คนดี ไม่ว่าจะเก่งและยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่เขาก็จะไม่ล้อเลียนปัญหาความเป็นความตายของคนอื่นแน่”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
หม่าหลันมันไม่ได้ไร้เดียงสาต่อโลกหรอก แต่เขียนให้ถูกคือหม่าหลันมันโง่นั้นเอง เข้ามหาลัยมีชื่อเสียงได้ไง โง่ดักดานขนาดนี้ อาจารย์ที่เขียน ก้เขียนให้อีหม่าหลันดูดีเกิ้น 555...
เอาตรงๆน่ะ ผมชอบที่พระเอกมีสาวมาติด แบบเป็นปกติ หลงรักพระเอกโงหัวไม่ขึ้นผมไม่ขัดใจหรอก มาขัดใจตอนคือแบบผญ เรื่องนี้มีนลุกหนักเกินไป จนทำใจอ่านแล้วขัดใจ ถ้าลุกพอประมาณแบบนี้คืออ่านสนุกเว่อร์ แต่นี่อ่อยหนักจนเกิน เกิดอาการขัดใจสุดๆ 555...
ห๊า พระเอกไปเป็นหนี้พวกหล่อนตรงไหน พวกตัวเองชอบเย่เฉินเอง เย่เฉินไม่ได้บังคับ แล้วจะให้พระเอกคืนความรักให้พวกเอ็งเนี่ยน่ะ ส่วนพระเอกกุเห้นมึงก้ปวดใจกับผู้หญิงทุกคนแหละ -.-"...
อ๋อ พึ่งรู้ว่าพระเอกไปช่วยใคร ก้คิดว่าพระเอกชอบคนนั้น ในใจมีเขาอยู่ จะหลุดกับความคิดเฟ่ยเข้อสินถึงๆด้บอกเรื่องนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง มีแค่ชูหรันกับซิวอี้นี่แหละความรักผญ.ดี ๆม่หลงตัวเองขนาดนั้น ขอโทษด้วยครับพอดีอินไปหน่อย...
ผู้หญิงเรื่องนี้หลงตัวเองโครต เป้นเพราะชูกันเถอะ พระเอกถึงได้มีแรงผลักนั้น ไม่ใช่นานาโกะ มโนเก่งเนาะ อีเฟ่ย...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โครตน่าหงุดหงิด จะร้องเชี่ยไรนักหนา ร้องทั้งตอน ผญ.อยู่ข้างเย่เฉินนิสัยผญ.หมด แต่ไอนี้แม่งปัญญาอ่อน ไอหลิวม่านฉิง...
โง่ทั้งพระเอกทั้งหลิวม่านฉง ทำตัวเป้นเมียพระเอกสะงั้น จนต้องเลื่อนผ่านขก.อ่าน ขัดใจ พระเอกแม่งก้จะแคร์ผู้หญิงทั้งโลกเลยรึไง...
ไอหลิวท่านฉง ก้มั่นหน้าเกินน่ะ คิดว่าพระเอกจะชอบมึงรึไง เล่นตัว จะหลุด...
ตระกูลเฟ่ยแม่งก้น่าขยะแขยงกันทุกตัวแหละ มีแค่เฟ่ยเข่อขิน เป้นตระกุลเดียวที่ไม่อยากให้เย่เฉนร่วมมือด้วยเลยจริงๆ เฟ่ยเจี้ยนจงแม่งก้ไม่ใช่คนดีไรนักหรอก ปากก้เอาเครื่องสวรรค์มาอ้าง สุดท้ายก้อยากจะไว้ชีวิตหลานตัวเอง น่าขยะแขยง...