หลินหว่านเอ๋อร์ในเวลานี้ ความสนใจทั้งหมดจดจ้องอยู่บนต้นกล้าที่อยู่เบื้องหน้า เธอคุกเข่าอยู่บนพื้น จ้องมองต้นกล้าต้นนั้นอย่างไม่กะพริบตา บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าท่าทางอันตื่นตาตื่นใจ
ทว่าเย่เฉินที่ยืนอยู่ที่ด้านข้าง มองดูต้นกล้าอันเขียวขจีต้นนั้น คนทั้งคนนอกจากมึนงงก็คือมึนงง
เย่เฉินรู้สึกว่าวงจรสมองของตัวเองเริ่มจะไม่ค่อยพอใช้
เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ทำไมหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ร่องรอยของน้ำฝนทั้งหมดต่างเหือดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เคยได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานมาเก้าปี วินาทีนี้ทำให้ในสมองของเขามีเพียงสี่คำ:นี่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์
หรือว่าคือหกคำ นี่มันแม่งไม่วิทยาศาสตร์เลย
เขามองร่างกายของตัวเองทั้งบนล่าง ยื่นมือไปจากบนศีรษะลูบลงมาถึงหน้าอก แล้วก็จากหน้าอกลูบมาถึงหลัง หลังจากนั้นจากหลังลูบลงมาถึงเท้า อีกทั้งอดที่จะถอดรองเท้าออกมาไม่ได้ ยื่นมือเข้าไปลูบในรองเท้าอยู่ตั้งนาน
แต่ว่า ทุกพื้นที่ที่นิ้วมือลูบไปนั้นแห้งสบายอย่างมาก ไม่มีร่องรอยของน้ำฝนแม้แต่นิดเดียว
หลินหว่านเอ๋อร์ก็เหมือนกัน
เย่เฉินจำได้อย่างชัดเจน เมื่อสักครู่เส้นผมของหลินหว่านเอ๋อร์เพราะว่าฝนตกหนักเปียกโชกแล้ว ติดอยู่บนแก้ม มีความน่าสงสารอยู่บ้าง
ทว่าเสื้อยืดแบรนด์ดังที่อยู่บนร่างกายเธอ เหตุเพราะว่าตากฝนจนเปียกปอนแล้ว ยังมองทะลุเห็นชุดชั้นในอย่างชัดเจนแล้ว
แต่ตอนนี้ เสื้อยืดoversizeของเธอตัวนั้นอย่าได้พูดถึงร่องรอยของน้ำ แม้แต่รอยยับยังมองไม่เห็น
“แม่งแปลกประหลาดเสียจริง!”เย่เฉินบ่นอุบอิบออกมาหนึ่งประโยค
จากนั้น เขาก็ถามหลินหว่านเอ๋อร์อีกว่า:“คุณหลิน เมื่อสักครู่ฝนตกจริงๆใช่ไหม? นี่ไม่ใช่ว่าผมจินตนาการไปเองคนเดียวใช่ไหม?
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆแล้ว พูดอย่างอ่อนโยน:“ตอบกลับคุณชาย เมื่อสักครู่มีฝนหนักอย่างหนัก ข้าน้อยมีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นฝนที่ตกหนักขนาดนี้มาก่อนเลย”
“ใช่แล้ว”เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นจ้องมองเธอถามออกมาอีกว่า:“แต่ว่า ฝนล่ะ? ไปไหนแล้ว?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า พูดอย่างจริงจัง:“เป็นเช่นนี้จริงๆ ในปีนั้นข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองเธอถูกสายฟ้าฟาดจนกลายเป็นถ่านโค้ก”
เย่เฉินชี้ไปยังต้นกล้าต้นนั้นแล้ว ถามว่า:“แล้วนี่จะอธิบายยังไงล่ะ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างเคร่งขรึมอย่างมาก:“คุณชาย มารดาแห่งชาผูเอ่อร์ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่เธอก็เป็นต้นไม้ที่เคยบำเพ็ญเพียรมาก่อน ถึงแม้ว่าจะพูดว่าเธอไม่ใช่คน แต่คุณชายลองเปลี่ยนมุมมองดูสักหน่อย ถ้าเป็นคนคนหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ถึงระดับบำเพ็ญเพียร งั้นความสามารถของเขาจะน่ากลัวขนาดไหน? เหตุผลเดียวกัน มารดาแห่งชาผูเอ่อร์เป็นหนึ่งในต้นไม้นับหมื่นล้านของบนโลกใบนี้ เกรงว่าก็คงเป็นอันดับต้นๆ ความอดทนของเธอ เกรงว่าจะเกินกว่าที่พวกเราจะสามารถจินตนาการได้”
เย่เฉินถามอย่างประหลาดใจ:“ความหมายของคุณคือ หลังจากบำเพ็ญเพียรล้มเหลวเธอมีวิธีการบางอย่างในการเก็บรักษาตัวเองเอาไว้อย่างงั้นเหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้า ถามเย่เฉิน:“คุณได้เคยได้ยินเซียนอิสระมาก่อนไหม?”
เย่เฉินส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ:“ไม่เคยได้ยิน”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดออกมาว่า:“เมื่อก่อนในตำนานเกี่ยวกับเส้นทางการบำเพ็ญเพียร มีคำกล่าวอย่างหนึ่งที่ว่า ถ้าบำเพ็ญเพียรได้สำเร็จ ก็จะได้กลายเป็นเทพ ถ้าบำเพ็ญล้มเหลว ก็จะเหมือนดั่งควันที่สูญสลายไป แต่ว่านอกเหนือจากนี้ ความจริงยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ในตอนที่บำเพ็ญเพียรล้มเหลว ปลิดชีพด้วยของมีคมกลายเป็นเซียนอิสระเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะสามารถกลับมาแก้ไขข้อผิดพลาด บำเพ็ญเพียรใหม่ได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าทั้งชีวิตนี้ก็จะไม่มีโอกาสยกระดับการบำเพ็ญเพียรได้อีกแล้ว”
เย่เฉินถามอย่างประหลาดใจ:“เก่งกาจขนาดนี้เลย? งั้นก็พูดได้ว่า เพียงแค่สามารถยกระดับมาจนถึงระดับการบำเพ็ญเพียร ก็เท่ากับว่ามีฐานรับประกัน สำเร็จแล้วก็ได้กลายเป็นเทพ ล้มเหลวแล้วก็ปลิดชีพด้วยของมีคมกลายเป็นเซียนอิสระ?นี่ก็เหมือนกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจในปีนั้นไม่ใช่เหรอ? สอบผ่านแล้วก็เป็นนักศึกษา สอบไม่ผ่านสุดท้ายก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจ การตกงานยังไงก็มาไม่ถึงเขาหรอก”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...