หลินหว่านเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะแล้วพูดว่า:“คุณชายคิดอะไรอยู่คะ? อย่าเพิ่งพูดถึงว่าตำนานของเซียนอิสระจะมีอยู่จริงหรือไม่จริง ถึงต่อให้เป็นเรื่องจริง เขาก็ได้บันทึกไว้ในตำนานแล้วว่า มีคนน้อยคนนักที่จะสามารถใช้อาวุธยุทธนาการได้ในช่วงระหว่างที่กำลังเอาชนะการพ้นบาป ยากที่จะหาได้สักหนึ่งคนในจำนวนหนึ่งร้อยคน อัตราความสำเร็จยังต่ำกว่าการพ้นบาปสำเร็จเสียอีก กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนจำนวน 102 คนพ้นบาป ในจำนวนนี้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่พ้นบาปได้สำเร็จ อีกอย่างในหนึ่งร้อยคนนั้น มี 99 คนที่ถูกฟ้าผ่าขาดออกเป็นสองซีก มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่โชคดีใช้อาวุธยุทธนาการพ้นบาปได้”
พูดๆอยู่ หลินหว่านเอ๋อร์ก็ยังพูดอีกว่า:“ในเมื่อคุณชายนำเอาการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาเทียบกัน งั้นข้าน้อยก็จะนำเอานักบำเพ็ญตนทั้งหมดของการพ้นบาปมาเปรียบเทียบเป็นนักเรียนผู้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของแต่ละรุ่น เพื่อให้ได้บรรลุไปสู่ขั้นเซียน โดยพื้นฐานแล้วก็เทียบได้กับการสอบเข้าในมหาวิทยาลัยชิงฮว๋า มหาวิทยาลัยเย่นจิง หรือไม่ก็มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ตราบใดนักเรียนผู้เข้าสอบที่ไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังเหล่านี้ได้ ตามหลักการแล้วทั้งหมดก็จะถูกคัดออกและไล่ออกจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายเพื่อเข้าสู่สังคมโดยตรง และตลอดชีวิตนี้ก็จะไม่มีโอกาสกลับมาเหยียบเข้าสู่เขตรั้วโรงเรียนได้อีก”
“ส่วนเซียนอิสระ ก็คือคนโชคร้ายเหล่านั้นที่สอบได้คะแนนยังขาดแค่ 0.1 คะแนนก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อเสียงโด่งดังเหล่านั้นได้ หลังจากที่เขากลายเป็นเซียนอิสระแล้ว ถึงแม้ว่าชีวิตนี้จะสูญเสียโอกาสเรียนมหาวิทยาลัยไป แต่เขามีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งก็คือได้รับอนุญาตให้เรียนต่อได้”
“แต่ทว่า เขาจำเป็นต้องเริ่มเรียนใหม่ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 4 ไปจนกระทั่งมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 แต่หลังจากที่เรียนจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 แล้ว เขาก็จำเป็นต้องหยุดอยู่ที่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 ไปตลอดชีวิต จนกระทั่งแก่ชรา เรียนจนแก่เฒ่า จะเป็นเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 ไปตลอดชีวิต”
“คุณชายสามารถลองคิดแทนดูว่า ถ้าคนคนหนึ่ง พลาดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุสิบแปด จากนั้นเริ่มต้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 4 ไปจนจนถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 ใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นก็ซ้ำชั้นอยู่ที่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 อยู่อย่างนั้นไปจนกระทั่งอายุร้อยปี เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็จะมีแต่กลุ่มคนหนุ่มสาว พวกเขาบ้างก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจากไป บ้างก็เข้าสู่สังคมไปเลย ซึ่งก็จะไม่ได้พบเจอกันอีก มีเพียงเขาที่ยังคงอยู่ตรงนี้โดยไม่จากไปไหน เซียนอิสระก็คงจะมีความรู้สึกประมาณนี้แหละค่ะ”
เย่เฉินอึ้งเล็กน้อย ยกนิ้วให้กับหลินหว่านเอ๋อร์ แล้วถอนหายใจพูดว่า: “คุณหลินนี่ช่างมีพรสวรรค์สติปัญญาเฉียบแหลมจริงๆ ฟังคุณพูดแบบนี้ เบื้องต้นผมก็ได้รู้แล้วว่า เซียนอิสระคืออะไร”
พูดๆ อยู่ เย่เฉินก็หันมองไปที่ต้นกล้าพืชอีกครั้ง แล้วถามเธอว่า: “คุณหลินแน่ใจว่านี่คือมารดาแห่งชาผูเอ่อร์?”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างจริงจัง: “แน่ใจค่ะ! กลิ่นของเธอเหมือนกับมารดาแห่งชาผูเอ่อร์ทุกอย่าง บวกกับเรื่องบังเอิญมากมายเมื่อสักครู่ ข้าน้อยจึงสามารถสรุปได้ว่า นี่คือมารดาแห่งชาผูเอ่อร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย บ่นพึมพำว่า: “ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นก็เท่ากับว่ามารดาแห่งชาผูเอ่อร์กลายเป็นเซียนอิสระของต้นไม้แล้วล่ะสิ?”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดแบบไม่ต้องคิดว่า: “ความหมายก็ประมาณนี้แหละค่ะ เพียงแต่เซียนอิสระก็เป็นแค่ตำนานเรื่องหนึ่งที่ข้าน้อยเคยได้ยินมาเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีโอกาสได้หาข้อพิสูจน์ ดังนั้นทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่การคาดคะเนของข้าน้อยเท่านั้น”
เย่เฉินพยักหน้า นั่งยองลงด้านข้างของเธอ มองดูต้นกล้าอ่อนนั้น แล้วพูดพึมพำอย่างเพลิดเพลินว่า: “ต้นกล้าอ่อนนี้มองดูแล้วก็ธรรมดาๆ นะ ไม่มีอะไรพิเศษเลย ก็มีเพียงแค่กลิ่นหอมชาแรงๆ เท่านั้น แต่สัมผัสถึงจิตวิญญาณไม่ได้เลยสักนิด”
หลินหว่านเอ๋อร์เห็นเขามีเกิดความสงสัย จึงพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจมากว่า: “คุณชายคะ ที่ข้าน้อยพูดมาทุกคำล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น ข้าน้อยเชื่อว่า เธอจะต้องใช่มารดาแห่งชาผูเอ่อร์อย่างแน่นอนค่ะ!”
หลินหว่านเอ๋อร์แทบจะร้องไห้แล้ว พูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า: “ถึงต่อให้คุณชายกินข้าน้อยไป ก็ดีเสียยิ่งกว่ากินใบอ่อนของเธอ! เธอรอมากว่าสามร้อยปีจนวันนี้โผล่ขึ้นพ้นดินออกมา มีใบอ่อนทั้งหมดก็แค่สิบกว่าใบนั้น แถมยังถูกคุณชายเด็ดไปสองใบ ช่างน่าสงสารเกินไปแล้ว.....”
“ไม่เป็นไรหรอก” เย่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า: “คุณดูสิเธอดูมีชีวิตชีวามากขนาดนี้ ใบที่ถูกเด็ดไปก็ยังจะแตกออกมาใหม่ในไม่ช้าอย่างแน่นอน ถือว่าคุณกับผมช่วยเธอเล็มใบก็แล้วกัน เขาว่ากันว่า ต้นไม้ไม่ตัดแต่งกิ่งใบเธอไม่โตนะ”
หลินหว่านเอ๋อร์พูดอย่างคับข้องใจว่า: “คุณชาย เธอเพิ่งจะแตกหน่อออกมา จะว่าไปก็ไม่ควรจะเล็มใบเธอเร็วแบบนี้......”
เย่เฉินเห็นขอบตาเธอแดงก่ำ จึงยื่นใบไม้สองใบให้กับตรงหน้าของเธออย่างทำอะไรไม่ได้ และพูดว่า: “คุณดูสิ ไหนๆ ผมก็เด็ดออกมาแล้ว จะติดกลับเข้าไปให้เธอก็ไม่ได้ อย่างมากผมก็เด็ดแค่สองใบนี้เท่านั้น ไม่เด็ด มากกว่านี้ แบบนี้โอเคไหม?”
หลินหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างไม่พอใจ พูดพึมพำออกมาด้วยความโกรธว่า: “งั้นคุณชายชิมไปคนเดียวเถอะค่ะ ข้าน้อยทำใจไม่ได้....”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...