สร้อยประคำข้อมือส่วนมาก ที่จริงแล้วล้วนมีลูกปัดสิบเก้าเม็ด นี่ก็เป็นเพราะว่าสร้อยประคำข้อมือที่ผู้คนส่วนมากสวมใส่ นอกจากการแสวงหาวัตถุดิบแล้ว ก็ยังตามหาความหมายแฝงที่ล้ำลึกอีกด้วย เนื่องจากในพระพุทธศาสนา ลูกประคำส่วนมากจะมีสิบเก้าเม็ด ความหมายแฝงเป็นเศียรพระพุทธเจ้าหนึ่งเม็ด บวกกับพระอรหันต์สิบแปดองค์
แต่สร้อยประคำข้อมือเส้นนี้ กลับมียี่สิบแปดเม็ดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เนื่องจากจำนวนเม็ดมากเกินไปจริงๆ ที่จริงแล้วสร้อยประคำข้อมือเส้นนี้ไม่เหมาะที่จะสวมใส่บนข้อมือ แต่เหมาะสำหรับนับลูกประคำมากกว่า
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามเธอ: “คุณคิดว่านี่หมายถึงอายุของผม?”
หลินหว่านเอ๋อร์: “ความเป็นไปได้สูงที่จะใช่”
เย่เฉินถามอีกว่า: “อาจจะเป็นความบังเอิญบางอย่างก็ได้นะ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า: “ที่ด้านนอก อาจจะเป็นไปได้ อยู่ที่นี่ขจ เป็นไปไม่ได้”
เย่เฉินซักถาม: “ทำไมถึงพูดแบบนี้?”
หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างจริงจัง: “คุณชาย คุณต้องเข้าใจว่า ทุกอย่างของที่นี่ ล้วนจัดเตรียมเอาไว้สำหรับคุณ ที่พวกเธอเชิญข้าน้อยมาเข้ามา เพียงเพราะข้าน้อยบังเอิญติดตามคุณชายมาด้วยเท่านั้น ถ้าหากข้าน้อยไม่ได้เดินทางมาที่นี่กับคุณชาย ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจะต้องมาพบหน้าคุณชายโดยตรงแน่นอน”
เย่เฉินมีความตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยทันที
เขาคิดว่าที่หลินหว่านเอ๋อร์พูดมามีเหตุผล
แต่ว่า เขาไม่เข้าใจอีกอย่างว่า อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะใส่ใจตนเองขนาดนี้
นับตั้งแต่ที่แม่ชีน้อยคนนั้นเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับทั้งสองคนที่เชิงเขา เย่เฉินก็อยากรู้มาตลอดว่า คนพวกนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ จนถึงตอนนี้ ความสงสัยนี้ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลานี้ อยู่ๆหลินหว่านเอ๋อร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอ่ยปากกล่าว: “คุณชาย เมื่อครู่นี้ตอนนี้ข้าน้อยเดินเข้ามา ไม่เคยเห็นว่ามีคนเดินเข้าออกห้องนี้ ภายในห้องนี้มีโต๊ะเก้าอี้ ยังมีสร้อยประคำข้อมือเส้นนี้อีก คิดว่าตอนนั้นน่าจะมีคนรออยู่ที่นี่”
เย่เฉินพยักหน้า: “ถ้าอย่างนั้นจะต้องเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังพวกเธอแน่นอน”
แต่ว่า ที่นี่ได้รกร้างมาเป็นเวลานานแล้ว ดูเหมือนว่าไม่มีคนอยู่อาศัยที่นี่มาเป็นเวลานานมากแล้ว
นี่ก็พิสูจน์การคาดเดาของหลินหว่านเอ๋อร์ได้อีกขั้นแล้ว แม่ชีสองท่านนั้นที่พบหน้าเธอ อันที่จริงไม่ใช่แม่ชีจริงๆ
เย่เฉินถึงขนาดสงสัยว่าอารามชิงจ้าว ได้ถูกปล่อยทิ้งร้างมานานปลายปีแล้ว เพียงแต่ครั้งพวกเธอเพื่อขัดขวางตน ถึงได้ใช้งานเป็นการชั่วคราว
ทั้งสองคนไม่พบเบาะแสที่มีค่าอะไรที่เรือนด้านหลัง แต่ว่าด้านนอกประตูหลังของเรือนด้านหลัง เห็นถนนเส้นเล็กของทางลงภูเขาจากด้านหลังเส้นหนึ่ง
คิดว่า พวกเธอน่าจะถอยออกไปจากถนนภูเขาเส้นนี้
เนื่องจากผ่านมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้ว ตอนนี้เย่เฉินตามถนนเส้นนี้ไปก็มองเบาะแสอะไรไม่ออก เดิมทีก็มีความเคารพต่อคนเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะตามไปสืบค้นความจริงเช่นกัน
จ้องมองถนนเส้นเล็กที่คดเคี้ยวเส้นนั้น เย่เฉินถอนหายใจเบาๆ กล่าวกับหลินหว่านเอ๋อร์: “ไปเถอะ พวกเรากลับเมืองจินหลิง”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
ตอนนี้กุต้องมาอ่านละครลิงโง่ๆ ภายในตระกูลเซียวใช่ไหม กุต้องเลื่อนให้พ้นๆอ่ะ...
ขัดใจกับไแคนครอบครัว เซียวชูหรันชิบหาย ไม่ว่าใครก้โง่จนใสซื่อ ไอฉางควรก็ปิดแหก ไอหม่าหลันก็น่าเงิน สุดท้ายครอบครัวนี้แม่งไม่สมประกอบทุกตัว...
แทนทีจะแยกออกไปอยู่คนเดียว ถ้าก้เป้นฉางควนอยากอยู่กับรักแรกก้ต้องลงทุน แต่นี่มึงยังไม่กล้ากับหม่ากันเลย กลัวจนขึ้นมาสมอง แล้วหวังอยากจะอยุ่กับหานเหมยชิง อยากจะระลึกความหลัง เห้นแก่ตัวเกินไปไอห่า กลัวหม่าหลันแค่ตาย ปอดแหกแบบนี้มึงก้อยุ่กับอีหม่าหลันไปเถอะ สมน้ำหน้าแบ่งทำเพื่อรักแรกมึงยังไม่กล้าทำเลย แล้วหวังจะอยุ่กับเหมยชิง...
ไอเซียวฉาวควนแม่งมาหวงก้างจัด เฮ่อกับหารเหม่ยชิงโครตเหมาะกันอยากให้2คนนี้คบกันมาก ไอเซียวฉางควนกับอีแค่หม่าหลันมคงยังไม่กล้า แล้วนยังจะคิดอยุ่กับหานเหม่อยชิง มึงปอดแหกแบบนี้มึงก้ไม่มีวันสมหวังหรอก ไอโง่...
ผญ.เรื่องนี้แม่งหลงตัวเองทั้ง มีแค่ตงเสวี่นร ชูกรัน กูซิวอี๋ นอกนั้นหลงตัวเองชิบหาย...
นิยายเรื่องนี้สร้างเป็นละครสั้นหรือยัง...
อัพเดตตอนใหม่ทีครับ...
อ่านมาจะ4พันตอนละพระนางยังไม่ำด้กันเลย นิสัยพระเอกก็สุดๆยังดีเนื้อเรื่องสนุก...
อ่านต่อได้ตรงไหนครับ...
สงสารหวังเจิ้งกาง หลังจากมอบบ้านมอบรถให้เย่เฉิน ก้ไม่เห็นเยเฉินพูดถึงเลย เหมือนเป็นตัวประกอบ ตอนแรกๆ 555...