ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน นิยาย บท 5861

สรุปบท บทที่ 5861 ห้าวหาญ (1): ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

ตอน บทที่ 5861 ห้าวหาญ (1) จาก ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 5861 ห้าวหาญ (1) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน ที่เขียนโดย เมฆทอง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่อโดนเย่เฉินถามว่าไปวัดมาหรือเปล่า ถังซื่อไห่ก็รู้สึกตะลึงอย่างควบคุมไม่ได้

เขาไม่รู้ว่าสาเหตุที่เย่เฉินถามตัวเองแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เป็นเพราะทราบการเคลื่อนไหวของตน หรือแม้แต่ตัวเองไปพบใครเขาก็รู้แล้ว

แต่จะว่าไปเขาก็ฉลาดมาก ๆ จิตใจรู้สึกตะลึง แต่กลับไม่ปิดบังความตะลึงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับถามด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย: “คุณชายรู้ได้ยังไงครับ?”

เย่เฉินตอบกลับอย่างเรื่อยเปื่อย: “บนตัวคุณมีกลิ่นธูปน่ะครับ”

ถังซื่อไห่กระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาด้วย

แต่เขากลับไม่กล้าแสดงความโล่งอกออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นการหัวเราะแล้วพูดว่า: “เย็นนี้กระผมได้เดินทางไปยงเหอกงรอบหนึ่งน่ะครับ ช่วงเย็นผมไม่มีธุระอะไรพอดี เลยไปกราบไหว้ที่วัดมาครับ”

เย่เฉินพยักหน้า ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร

นอกจากผู้คนในตระกูลเย่ เดิมทีถังซื่อไห่ก็มีตำแหน่งที่สูงที่สุดอยู่แล้ว หน้าที่การงานของพ่อบ้านก็มีความเป็นอิสระสูงมากเหมือนกัน การที่เขาหาเวลาออกไปวัดวาอารามนั้น ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่

ในส่วนของเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงไปกราบไหว้ขอพรที่วัด เย่เฉินกลับไม่ได้คิดอะไรมาก

อย่างไรเสียการที่คนหัวเซี่ยไปวัดมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนยุโรปไปโบสถ์ ต่างเป็นกิจวัตรประจำวันที่ปกติมาก

ดังนั้น เย่เฉินจึงมองข้ามประเด็นเรื่องนี้โดยตรง

หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ แค่มองถังซื่อไห่อยู่ครู่หนึ่ง

เธอก็สังเกตความผิดปกติอะไรไม่ได้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่าหน้าตาของถังซื่อไห่ให้ความรู้สึกเหมือนคนไม่มีศาสนา ราวกับการที่คนประเภทนี้ไปวัดมันดูไม่ค่อยเข้ากัน

มิหนำซ้ำจากความเข้าใจของเธอที่มีต่อศาสนาพุทธ แม้คนที่เคารพเลื่อมใสในศาสนาพุทธจะมีใจที่ศรัทธาสูงมาก แต่คนส่วนมากกลับมุ่งเป้าไปที่ส่วนบุญส่วนกุศลมากกว่า ในจำนวนคนทั้งหมด อัตราส่วนของคนที่ขอพรเรื่องเงินทองและอำนาจก็มีมากกว่าด้วย

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ดาราส่วนมากล้วนเคารพเลื่อมใสในศาสนาพุทธนั่นเอง

ในมุมมองของหลินหว่านเอ๋อร์ หน้าตาของถังซื่อไห่ไม่เหมือนคนที่ต้องการบุญกุศลมาก ๆ ดังนั้นการที่เขาเข้าวัดจึงดูขัดกับบุคลิกลักษณะเล็กน้อย

แต่อย่างไรเสียหลินหว่านเอ๋อร์ก็เป็นมนุษย์ซึ่งไม่ใช่เทพ ดังนั้นเธอแค่รู้สึกแปลกใจ แค่อาศัยคำพูดคำจาก็คาดเดาอะไรได้ยากมากเหมือนกัน

สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ในใจมีเพียงลูกชายเย่เฉินที่ตนไม่ได้เจอมา 20 ปี

และตอนนี้ ระยะห่างระหว่างยงเหอกงและคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเย่ก็ห่างกันแค่หนึ่งถึงสองกิโลเมตรเท่านั้น เมื่อออกเดินทางจากที่นี่ ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็สามารถไปถึงหน้าทางเข้าคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเย่แล้ว

แต่แม้นจะเป็นเช่นนี้ อานเฉิงซีก็ยังเน้นย้ำกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะไปเจอหน้าลูกชาย

ซือไท่ปลอมเห็นเธอกำลังเศร้าโศกอยู่กลางลานบ้านคนเดียว จึงเดินเข้าไปสอบถามอย่างเคารพนอบน้อม: “ตอนนี้นายหญิงอยู่ห่างจากคุณชายแค่ไม่กี่กิโลเมตร คุณคงอยากเจอคุณชายมาก ๆ เลยสินะคะ?”

อานเฉิงซีพยักหน้า: “ลูกชายของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เจอกันมา 20 ปี แล้วฉันจะไม่อยากเจอได้อย่างไรเล่า”

พอพูดจบ อานเฉิงซีก็พูดอีกว่า: “แต่เมื่อลองมานึกดูแล้ว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะไปเจอหน้าเฉินเอ๋อ มิหนำซ้ำวันนี้ก็ไม่ใช่ช่วงที่ฉันอยู่ใกล้เฉินเอ๋อมากที่สุดเช่นกัน ก่อนหน้านี้ตอนหนานหนานอยู่ในงานคอนเสิร์ตที่นิวยอร์ก ฉันก็นั่งดูอยู่บนเวทีเหมือนกัน เฉินเอ๋อและเซียวชูหรันก็อยู่ห้องที่นั่งพิเศษชั้นบนฉันด้วย ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นั่นต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่ฉันอยู่ใกล้เฉินเอ๋อมากที่สุด”

ซือไท่ปลอมอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างทอดถอนใจ: “ครั้งนั้นดิฉันรู้สึกกลัวมากจริง ๆ……พ่อแม่พี่น้องของคุณล้วนอยู่ในที่เกิดเหตุ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว ก็อาจมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้……”

อานเฉิงซีอมยิ้มแล้วถามเธอ: “ตอนนั้นเธอกังวลใช่ไหมว่าเฉินเอ๋อจะไม่ลงมือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน