เมื่อโดนเย่เฉินถามว่าไปวัดมาหรือเปล่า ถังซื่อไห่ก็รู้สึกตะลึงอย่างควบคุมไม่ได้
เขาไม่รู้ว่าสาเหตุที่เย่เฉินถามตัวเองแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เป็นเพราะทราบการเคลื่อนไหวของตน หรือแม้แต่ตัวเองไปพบใครเขาก็รู้แล้ว
แต่จะว่าไปเขาก็ฉลาดมาก ๆ จิตใจรู้สึกตะลึง แต่กลับไม่ปิดบังความตะลึงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับถามด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย: “คุณชายรู้ได้ยังไงครับ?”
เย่เฉินตอบกลับอย่างเรื่อยเปื่อย: “บนตัวคุณมีกลิ่นธูปน่ะครับ”
ถังซื่อไห่กระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาด้วย
แต่เขากลับไม่กล้าแสดงความโล่งอกออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นการหัวเราะแล้วพูดว่า: “เย็นนี้กระผมได้เดินทางไปยงเหอกงรอบหนึ่งน่ะครับ ช่วงเย็นผมไม่มีธุระอะไรพอดี เลยไปกราบไหว้ที่วัดมาครับ”
เย่เฉินพยักหน้า ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไร
นอกจากผู้คนในตระกูลเย่ เดิมทีถังซื่อไห่ก็มีตำแหน่งที่สูงที่สุดอยู่แล้ว หน้าที่การงานของพ่อบ้านก็มีความเป็นอิสระสูงมากเหมือนกัน การที่เขาหาเวลาออกไปวัดวาอารามนั้น ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่
ในส่วนของเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงไปกราบไหว้ขอพรที่วัด เย่เฉินกลับไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่างไรเสียการที่คนหัวเซี่ยไปวัดมันก็ไม่ต่างอะไรจากคนยุโรปไปโบสถ์ ต่างเป็นกิจวัตรประจำวันที่ปกติมาก
ดังนั้น เย่เฉินจึงมองข้ามประเด็นเรื่องนี้โดยตรง
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ แค่มองถังซื่อไห่อยู่ครู่หนึ่ง
เธอก็สังเกตความผิดปกติอะไรไม่ได้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่าหน้าตาของถังซื่อไห่ให้ความรู้สึกเหมือนคนไม่มีศาสนา ราวกับการที่คนประเภทนี้ไปวัดมันดูไม่ค่อยเข้ากัน
มิหนำซ้ำจากความเข้าใจของเธอที่มีต่อศาสนาพุทธ แม้คนที่เคารพเลื่อมใสในศาสนาพุทธจะมีใจที่ศรัทธาสูงมาก แต่คนส่วนมากกลับมุ่งเป้าไปที่ส่วนบุญส่วนกุศลมากกว่า ในจำนวนคนทั้งหมด อัตราส่วนของคนที่ขอพรเรื่องเงินทองและอำนาจก็มีมากกว่าด้วย
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ดาราส่วนมากล้วนเคารพเลื่อมใสในศาสนาพุทธนั่นเอง
ในมุมมองของหลินหว่านเอ๋อร์ หน้าตาของถังซื่อไห่ไม่เหมือนคนที่ต้องการบุญกุศลมาก ๆ ดังนั้นการที่เขาเข้าวัดจึงดูขัดกับบุคลิกลักษณะเล็กน้อย
แต่อย่างไรเสียหลินหว่านเอ๋อร์ก็เป็นมนุษย์ซึ่งไม่ใช่เทพ ดังนั้นเธอแค่รู้สึกแปลกใจ แค่อาศัยคำพูดคำจาก็คาดเดาอะไรได้ยากมากเหมือนกัน
สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ในใจมีเพียงลูกชายเย่เฉินที่ตนไม่ได้เจอมา 20 ปี
และตอนนี้ ระยะห่างระหว่างยงเหอกงและคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเย่ก็ห่างกันแค่หนึ่งถึงสองกิโลเมตรเท่านั้น เมื่อออกเดินทางจากที่นี่ ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็สามารถไปถึงหน้าทางเข้าคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเย่แล้ว
แต่แม้นจะเป็นเช่นนี้ อานเฉิงซีก็ยังเน้นย้ำกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะไปเจอหน้าลูกชาย
ซือไท่ปลอมเห็นเธอกำลังเศร้าโศกอยู่กลางลานบ้านคนเดียว จึงเดินเข้าไปสอบถามอย่างเคารพนอบน้อม: “ตอนนี้นายหญิงอยู่ห่างจากคุณชายแค่ไม่กี่กิโลเมตร คุณคงอยากเจอคุณชายมาก ๆ เลยสินะคะ?”
อานเฉิงซีพยักหน้า: “ลูกชายของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เจอกันมา 20 ปี แล้วฉันจะไม่อยากเจอได้อย่างไรเล่า”
พอพูดจบ อานเฉิงซีก็พูดอีกว่า: “แต่เมื่อลองมานึกดูแล้ว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะไปเจอหน้าเฉินเอ๋อ มิหนำซ้ำวันนี้ก็ไม่ใช่ช่วงที่ฉันอยู่ใกล้เฉินเอ๋อมากที่สุดเช่นกัน ก่อนหน้านี้ตอนหนานหนานอยู่ในงานคอนเสิร์ตที่นิวยอร์ก ฉันก็นั่งดูอยู่บนเวทีเหมือนกัน เฉินเอ๋อและเซียวชูหรันก็อยู่ห้องที่นั่งพิเศษชั้นบนฉันด้วย ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นั่นต่างหากที่เป็นช่วงเวลาที่ฉันอยู่ใกล้เฉินเอ๋อมากที่สุด”
ซือไท่ปลอมอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างทอดถอนใจ: “ครั้งนั้นดิฉันรู้สึกกลัวมากจริง ๆ……พ่อแม่พี่น้องของคุณล้วนอยู่ในที่เกิดเหตุ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว ก็อาจมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้……”
อานเฉิงซีอมยิ้มแล้วถามเธอ: “ตอนนั้นเธอกังวลใช่ไหมว่าเฉินเอ๋อจะไม่ลงมือ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...