คนอื่นภายในห้องขังถูกฉากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้ตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนเขยิบเข้ามาใกล้โดยจิตใต้สำนึกอยากจะดูสาเหตุ ผลสุดท้ายจึงได้เห็นดีนที่อยู่ในสภาพน่าเวทนาคนนั้น
ทุกคนไม่กล้าเชื่อภาพที่ได้เห็นตรงหน้า ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีครู่หนึ่ง และเย่เฉินได้ออกแรงดึงแปรงขัดส้วมออกมาจากในปากของดีน ทันทีหลังจากนั้นแค่นเสียงหัวเราะ กล่าวกับดีน: “มา มีอะไรอยากจะบอกกับลูกน้องของแกพวกนี้ พูดตอนนี้เลย”
วินาทีนั้นที่แปรงขัดส้วมถูกดึงออกไป สิ่งที่ดีนอยากจะตะโกนออกมามากที่สุดก็คือ‘จัดการมันให้ฉันเดี๋ยวนี้’
แต่ว่า เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก เขากลับไม่สามารถพูดคำใดๆออกมาได้
ภายในใจเขาค่อนข้างรู้ดีว่า กำลังรบของเย่เฉิน ในห้องขังนี้ ก็คือการโจมตีที่เหนือกว่าอย่างแน่นอน
ถ้าหากตนเองให้ลูกน้องลงมือกับเขาละก็ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าลูกน้องพวกนี้จะถูกเขาจัดการหรือไม่ เพียงแค่การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของตนเอง เย่เฉินก็ไม่มีทางปล่อยตนไปอย่างแน่นอน
เย่เฉินเห็นว่าดีนไม่พูดจา ตบเข้าไปที่บนใบหน้าของเขาฉาดหนึ่ง กล่าวเสียงเย็นชา: “เมื่อกี้แกพูดเก่งนักไม่ใช่เหรอไงวะ? ทันทีที่ฉันเข้ามาที่ห้องขังนี้ ปากสุนัขนั้นของแกก็เห่าไม่หยุด ทำไมตอนนี้เงียบฉี่ซะแล้วล่ะ?”
ดีนถูกตบหน้าฉาดหนึ่งอย่างแรง ถูกตบจนฟันร่วงหลายซี่ ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้หัวสมองของเขาราวกับถูกเข็มนับไม่ถ้วนทิ่มแทงซ้ำไปมา
และคนอื่นๆที่เห็นว่าดีนถูกตบ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงมาที่หัว
พวกเขาเองก็รู้ดีว่ากำลังรบของดีนแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ดีนยังถูกทรมานจนสภาพกลายเป็นแบบนี้ คนพวกนี้ของตนเองมัดรวมกันเกรงว่าก็จะยังไม่พอ
ดังนั้นทุกคนถึงก้าวถอยหลังไปโดยจิตใต้สำนึก ไม่กล้าก้าวมาข้างหน้ายั่วแหย่เย่เฉินอีก
และเย่เฉินในเวลานี้ลากเก้าอี้พลาสติกมาตัวหนึ่ง นั่งลงไปตรงหน้าของคนสิบกว่าคนทันที ทันทีหลังจากนั้นหยิบแปรงขัดส้วมที่เต็มไปด้วยเลือด ออกแรงโยนลงไปบนพื้นตรงหน้า บนพื้นจึงเกิดเส้นสีแดงที่มีส่วนประกอบเป็นเลือดปรากฏขึ้น
ทันทีหลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ: “พวกแกฟังฉันให้ดี ฉันให้เวลาพวกแกสามวินาที ยืนเข้าแถวด้านหลังเส้นนี้ให้เรียบร้อย หลังจากที่ฉันนับถึงสาม ถ้าหากยังมีคนที่ยืนไม่เรียบร้อย ฉันจะหักขามันทิ้งข้างหนึ่ง”
พูดจบ เย่เฉินจึงยื่นนิ้วมือนิ้วหนึ่งออกมา ตะโกนเสียงดัง: “หนึ่ง!”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ดีนก็พยายามดิ้นรนไปยืนที่ด้านหลังเส้นสีแดงที่เกิดจากเลือดของเขาเอง
ในเวลานี้เย่เฉินยื่นนิ้วมือออกมาอีกนิ้วหนึ่ง: “สอง!”
ถึงแม้ว่าคนอื่นจะต้องใจจนกลายเป็นไอ้บื้อ แต่เมื่อเห็นดีนผู้เสียหายคนนี้ตอบสนองโดยทันที ใครก็ไม่กล้าเสียเวลาอีก ดังนั้นทุกคนจึงพากันเข้าแถวที่ด้านหลังเส้นสีแดง
ในตอนที่ทุกคนหวาดกลัวไม่กล้าพูดจา ในฝูงชน ชายผิวขาววัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งกล่าวอย่างกล้าๆกลัวๆ: “นาย......นายจะปฏิบัติแบบนี้กับคนที่หมดสติไปแล้วไม่ได้ นี่มันไม่ยุติธรรม!”
“ยุติธรรม?”เย่เฉินในเวลานี้กลับกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่แยแส: “สุภาษิตว่าคำที่พูดออกไปแล้ว ยากที่จะเรียกกลับคืน ฉันท่องอยู่มนยุทธภพ ที่ให้ความสำคัญไม่ใช่ความยุติธรรม แต่เป็นซื่อสัตย์และมีสัจจะ! พูดว่าใครไม่ได้มาเข้าแถว ก็จะตีขาคนนั้นหักข้างหนึ่ง จะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้”
พูดไป เย่เฉินขมวดคิ้วมองไปทางเขา ถามด้วยความสงสัย: “ตาแก่ แกเป็นเทวดามาจากที่ไหน? ในเวลาแบบนี้ถึงยังกล้ามาพูดแทนเขา?”
ชายผิวขาววัยกลางคนคนนั้นกล่าวอย่างกล้าหาญ: “ฉันเป็นนักบวช! เป็นคนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า! ฉันพูดเพื่อความเป็นธรรม!”
เย่เฉินแค่นเสียงกล่าว: “ขออภัย ฉันเป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา ไม่เชื่อในพระเจ้า”
“นาย......”นักบวชคนนั้นกล่าวด้วยความประหม่าเล็กน้อย: “ต่อให้นายไม่เชื่อในพระเจ้า นายก็ไม่มีสิทธิ์ดูหมิ่นพระเจ้า!”
เย่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม: “แกนี่มันตราหน้าคนอื่นเก่งเหลือเกิน ฉันดูหมิ่นพระเจ้าตอนไหน? ฉันเพียงแค่ไม่เห็นคนรับใช้ของเขาอยู่ในสายตาเท่านั้น”
พูดไป เย่เฉินเดินไปที่ตรงหน้าเขา จ้องดวงตาทั้งสองข้างของเขา กล่าวถาม: “พูดตามตรง แกเข้ามาที่ในเรือนจำแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...