นอกจากหลี่เสี่ยวเฟิน ป้าหลี่แล้ว จ้าวเห้าเป็นคนแรกที่ เพราะว่าตัวเองบริจาคเงินให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงมาชนเหล้ากับตัวเอง
พวกคนอื่นๆเหล่านั้น ที่พวกเขาชนแก้วกับตัวเอง ไม่ใช่เพราะว่าตัวเองบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาค้นพบว่าตัวเองเหมือนว่าจะเป็นคนรวยคนหนึ่ง
นี้เป็นจุดเริ่มต้นของทั้งสองแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เข้ามาชนแก้วเหล้าให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีความห่วงใยต่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจริงๆ ชนแก้วเพื่อเข้าหาตัวเอง ล้วนแต่หวังที่จะสามารถไต่ระดับความสัมพันธ์กับตัวเองได้
ถึงอย่างไรสำหรับพวกเพื่อนๆเหล่านี้แล้ว คนที่สามารถนำเงิน 1 ล้านบริจาคให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ตามอำเภอใจ จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน มันได้เกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขามากแล้ว
เย่เฉินดื่มเหล้ากับจ้าวเห้าหนึ่งแก้ว จ้าวเห้าพูดออกมาด้วยความจริงใจว่า : “เย่เฉิน เห็นนายสามารถมีทุกอย่างเช่นทุกวันนี้ได้ ฉันล่ะดีใจกับนายอย่างมากจริงๆ!ตอนนั้นฉันยังรู้สึกว่า นายไม่เหมือนกับพวกเราทุกคน ก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันรู้สึกว่านายในตอนนั้นถึงสุดยอดมาก คิดว่านายต้องมีอนาคตที่สดใสแน่นอน !คิดไม่ถึงว่านายยังจะใจกว้างอย่างนี้อีก!”
เย่เฉินยิ้มอย่างนิ่งๆ พูดว่า: “ตอนนั้นที่เราสองคนนอนที่ไซต์ก่อสร้าง ในทุกๆวันสามารถกินข้าวอิ่มท้องได้ก็มีความสุขมากแล้ว ทุกเดือนที่เงินเดือนออก เราสองคนก็สามารถสุรุ่ยสุร่ายได้นิดหน่อย ซื้อเครื่องเคียงสองอย่าง ซื้อเบียร์สักสามสี่ขวด ดื่มด่ำกันที่ไซต์งานก่อสร้าง สำหรับฉันก็พอใจมากแล้ว”
เพียงครู่หนึ่ง เย่เฉินก็พูดอีกว่า : “เป็นเพราะว่ามีประสบการณ์ช่วงเวลานั้น ตอนนี้ฉันจึงไม่มีความต้องการทางวัตถุนิยมมากเกินไป กินให้ดี สวมใส่เสื้อผ้าที่ดีๆ ใช้ของใช้ดีๆ มีที่อยู่ที่ดีหน่อย จริงๆแล้วสำหรับฉัน ไม่ได้มีความหมายอะไรจริงๆ ”
จ้าวเห้าพยักหน้าอย่างจริงจัง พูดว่า : “เพื่อน สิ่งเหล่านี้ที่นายพูดฉันเข้าใจ ตอนนั้นเราสองคนทำงานเหมือนกัน แต่เงินที่ฉันได้มาก็เก็บออมไว้ทั้งหมด หวังว่าจะสามารถกลายมาเป็นเงินทุนที่ใช้เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต แต่เงินที่นายได้มา ล้วนแต่บริจาคให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่า ทั้งชีวิตนี้ของฉันคงสู้นายไม่ได้ เพราะว่าทัศนคติของนายมันยิ่งใหญ่กว่าฉันมาก !”
พูดจบ จ้าวเห้าก็ถอนหายใจเบาๆ หัวเราะให้กับตัวเองพร้อมพูดว่า : “ความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ฉันไม่ได้มีอนาคตที่สดใสอะไร”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า : “เพื่อน ไม่ว่ายังไงก็อย่าดูถูกตัวเองจนเกินไป ขอแค่นายสามารถทำได้ เราไม่ละอายต่อฟ้าดิน ไม่ละอายต่อมโนธรรม ไม่ละอายต่อตัวเอง แม้ว่าทรัพย์สินเงินทองจะไม่ได้มีมากมาย นายก็เป็นคนที่มีความสุขคนหนึ่ง ”
พูดแล้ว เขาก็พูดอีกว่า : “นายดูบนโลกใบนี้สิ มีคนรวยเท่าไหร่ที่พึ่งการกระทำความชั่วจนทำให้ครอบครัวเกิดร่ำรวยขึ้น มีคนจนกว่าเท่าไหร่ ที่พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อพยายามแย่งชิง ขโมย หลอกลวง เอารัดเอาเปรียบจากคนอื่น คนที่ไม่ได้ทำผิดมโนธรรมน่ะ มีน้อยมาก!”
เซียวชูหรันฟังเย่เฉินพูดอย่างเงียบๆ จู่ๆก็รู้สึกว่าภาพของสามีคนนี้ที่อยู่ในตอนนี้ ภายในใจของตัวเอง เปลี่ยนเป็นเจิดจ้าเปล่งประกายขึ้นมา
และได้ยินที่เย่เฉินพูดแบบนี้ขึ้นมาอีก ในใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
เธอรู้สึกว่าตัวเองในเวลานี้ เข้าใจสามีของตัวเองคนนี้ มากขึ้นแล้ว
แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกว่า ในเวลานี้ เหมือนว่าตัวเองไม่รู้จักสามีของตัวเอง หลายอย่างเลย
ก่อนหน้านี้ เธอเคยคิดว่าสามีของตัวเองคนนี้ไม่ได้มีอนาคตอะไร ไม่มีความทะเยอทะยาน เป็นแค่คนที่ขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถที่ถูกคนอื่นด่าทอก็ไม่กล้าตอกกลับ ถูกคนตีก็ไม่กล้าคืนหมัด
แต่ตอนนี้ เธอกลับคิดว่า สามีของตัวเองคนนี้ เหมือนว่าจะลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกกว่าเขาคนนั้น ในจินตนาการของตัวเองซะอีก
------------

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน
สมน้ำหน้าไอฉางควน เหมาะกับหม่าหลันดี ขี้โม้เหมือนกัน ว่าคนที่มีความสามารถว่ากระจอกเหมือนกัน หลงตัวเองเหมือนกัน พูดมาได้ไงมึงกับหานเหมยชิงเป้นคู่ฟ้าประทาน 5555 สมล่ะที่คบกังหม่าหลันได้...
ทั้งที่เป็นผู้ชาย แรงเยอะกว่า ตัวใหญ่ก็ว่า แต่กลัวกับอีหม่าหลันพูดขู่แค่นี้เนี่ยน่ะ ไม่น่าเกิดเป็นผู้ชายเลยมึงไอเชียวฉางควน กูคิดว่าเป็นตุ๊ด ปากบอกรอเหมยชิงมานาน อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ อยากจะมีเพศสัมพันธ์อยากจะอยู่กับเหมยชิง อยากแต่งงานกะเหมยชิงอีกครั้ง ทั้งที่เหมยชิงยอมกลับมาหาเพื่อมึง แต่มึงกลับไม่กล้าทำไรกะอีหม่าหลันสักอย่าฃ แค่หม่าหลันพูดขู่ว่าจะไปหาเรื่องเหมยชิง แทนที่จะให้เหมยชิงจ้างบอดีการ์ดมา อีหม่าก้ทำไรไม่ได้ล่ะ หรือไอฉางควนปกป้อง สู้กันจริงๆหม่าหลันก้สู้คงไม่ได้หรอก ทำมึงกลับกลัวหัวหด ชาตินี้ก้คงไม่ได้อยุ่กับคนรักหรอก ฝันไปเถอะมึง กระจอก...
ไม่ใช่ว่าข้อมูลของเย่เฉิน ตอนตั้งแต่9ขวบจนถึงปัจุบัน ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่ลบไปแล้วไม่ใช่หรอหรือเก้บซ่อนไว้ ถ้า้ป้นอย่างงี้ แสดงว่าองกรพั้วชิงก้สามารถหาได้เช่นกันดิ ถ้างั้น ไม่ใช่ว่าถังซื่อไห่มันลบออกข้อมูลตอนเด้กของพระเอกออกไปหรอกหรอ -.-"...
พูดมาได้ไงไม่ได้หวังเกินตัว แต่อยากมีลูกกะเย่เฉิน ถึงกับขนาดที่ว่าจะแอบมีความสัมพันกับพระเอกตอนหลับ แบบนี้ไม่ได้เรียกหวังเกินตัวเลยงั้นอ่าดิ 555 ผมชอบอ่านเรื่องโรงแมนติกน่ะ เพราะมันพอดี แต่เรื่องนี้อ่านแล้วไม่ฟินอ่ะ เรื่องความรักชายหญิง เพราะมันลุกหนักเกินไปจน จนไม่มีให้ลุ้นอาะ...
ไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมต้องให้พระเอกชดเชย หรือชดใช้ความรักให้หญิงสาวพวกนี้ ถ้าเป้นกุ้ซิวอี้พอยอมรับได้เพราะ เป้นคู่หมั่นพระเอก แต่พวกที่เข้ามาหาพระเอก พระเอกก้แค่ช่วยไปเท่านั้น ให้จะได้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ได้ช่วยเพราะรัก แต่พวกหล่อนกับบอกให้ชดใช้ ทั้งที่ที่พวกหล่อนมารักพระเอกแท้ๆ แต่กลับจะให้พระเอกชดใช้เนี่ยน่ะ...
เฮเลน่า แม่งก่น่ารังเกียจเกิ้น...
เฮเลน่ามึงก้ฝันกลางวันเกิ้น ถามหน่อยสู้ไรกับนานาโกะหรือกู้ซิวอิ้วอีกได้บ้าง เรื่องนี้ผู้หญิงแม่งก้มโนเก่งเกิน คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับพระเอก 555...
แล้วตู้ไหชิง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไอซูเต้าขอแต่งงานหรอ ไม่รู้คนเขียน หรือคนแปลที่แปลมั่ว ซูเต้า ไม่เคยขอใครแต่งงาน แล้วไห่ชิงนั้นไม่ได้เรียกว่าขอแต่งงานหรอกหรอ 555...
พระเอกมันเป้นห่วงความรุ้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น ไม่อยากให้เศร้าใจมากขนาดนี้น ทำไมไม่แต่งงานกับนานาโกะไปเลยล่ะ ขัดใจ ถ้าเป้นครอบครัวอื่นอยากยกความดีความชอบให้ลูกสาวอีกฝ่ายก้ไมาแปลก แต่ครอบครัวนานาโกะยังไงต่อให้ไม่ยกความดีความชอบให้นานาโกะ พ่อนานาโกะก้รักนานาโกะมากอยุ่ล่ะ แคร์ความรู้สึกนานาโกะมากขนาดนั้น แต่งงานไปนานาโกะไปเลย ได้จบๆ 555...
บางที อ.ก้เขียนลำเอียงเกินไป วานพั่วจวิ้นทำงานแค่ตายจนกว่าจะได้ยามา แต่ซูรั่วรี่ไม่ได้ทำไรเลย มาถึงก้ได้ยาล่ะ 555...