ถ้าหากพูดเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก็ต้องรู้สึกว่าเย่เฉินขี้โม้
แต่ว่าพูดในตอนนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่า ในเมื่อเย่เฉินพูดอย่างนี้แล้ว งั้นเรื่องนี้จะต้องเป็นความจริงแน่นอน
ในเวลานี้เย่เฉินก็ยิ้มอย่างนิ่งๆ พูดกับจ้าวเห้าว่า : “แม้ว่าฉันจะไม่ได้สนิทสนมมากับประธานกรรมการหลี่ของพวกนายมากมาย แต่อย่างไรก็เป็นคนคุ้นเคย ฉันเชื่อว่ายังไงเขาก็จะต้องแก่หน้าของฉันบ้าง”
พูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที หาเบอร์ของหลี่ไท่หลาย กดโทรไปหาเขาเลย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โทรติดแล้ว
หลี่ไท่หลายที่อยู่ปลายสายนั้น พูดด้วยความประหลาดใจว่า : “อาจารย์เย่ คุณมีเวลาโทรหากระผมได้อย่างไรครับ?!”
เย่เฉินหัวเราะอย่างนิ่งๆ พร้อมพูดว่า : “ประธานกรรมการหลี่ คุณกับผมไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ ”
หลี่ไทยหลายรีบพูดทันที ว่า : “ไอ้หยา ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้ไปที่จินหลิงเลย ไม่อย่างงั้นต้องไปทักทายอาจารย์เย่ซึ่งๆหน้าแน่นอน!”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า : “ประธานกรรมการหลี่ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ ที่ผมโทรหาคุณในวันนี้จริงๆแล้วว่ามีเรื่องๆหนึ่ง อยากจะไหว้วานคุณหน่อย”
คนทั้งโต๊ะต่างก็กลั้นลมหายใจมองไปยังเย่เฉิน เพื่อรอคอยเป็นสักขีพยานของช่วงเวลาที่ มหัศจรรย์!
เพราะว่าทุกคนล้วนเป็นเด็กกำพร้า อย่าว่าแต่มหาเศรษฐีที่มีฐานะทางสังคมกว่าหมื่นล้านเลย แม้ว่าเศรษฐีธรรมที่มีฐานะเกินสิบล้านพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก
หลี่ไท่หลายในเวลานี้พูดอย่างรีบร้อนว่า : “อาจารย์เย่ คุณมีเรื่องอะไรให้รีบสั่งมาเลย คนแซ่หลี่จะพยายามทำสุดความสามารถ!”
เย่เฉินพูดว่า : “ผมมีเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโตคนหนึ่ง วันนี้ผมพึ่งจะรู้ว่า เขาทำงานอยู่ในบริษัทที่อยู่ภายใต้ธุรกิจอุตสาหกรรมของคุณประธานกรรมการหลี่ ดังนั้นผมจึงอยากจะรบกวนคุณ ช่วยจัดตำแหน่งงานที่มีอนาคตไกลกว่านี้ให้เขาหน่อยได้ไหม?”
หลี่ไท่หลายตกใจอย่างมากไปชั่วขณะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน